สำหรับใครหลายคน ที่รักการดื่มกาแฟ น่าจะเริ่มต้นจากกาแฟแก้วโปรด ในร้านกาแฟสุดโปรดของคุณ ต่อมาก็เริ่มอยากที่จะศึกษา และทำกาแฟดื่มเองได้ที่บ้าน แต่การที่จะเริ่มต้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ สำหรับหลายคนเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่ากลัว เพราะดูเหมือนมีเรื่องอะไรที่จะต้องเรียนรู้มากมาย อีกอย่างหากดูตามร้านกาแฟ การใช้เครื่องแมชชีนชงเอสเพรสโซ่ อาจเป็นอะไรที่ต้องลงทุนมาก แต่เราจะขอบอกเลยว่า แท้จริงแล้ว การชงกาแฟ ดื่มเองที่บ้านไม่ได้ยากขนาดนั้น อีกทั้งยังลงทุนน้อยกว่ามาก
เรากำลังกล่าวถึงการสกัดกาแฟแบบฟิลเตอร์ทั้งหลาย ที่มีการลงทุนที่น้อย แต่ก็ได้กาแฟคุณภาพสูงออกมาดื่มกัน เราจะคุยกันตั้งแต่เรื่องของการดริฟกาแฟ การสกัดกาแฟแบบไหลผ่าน ไปจนกระทั่งการแช่กาแฟ ในบทความนี้จะครอบคลุมทุกสิ่งที่เราต้องการเพื่อที่จะเริ่มต้น นอกจากนี้เรายังอาจบอกเคล็ดลับบางอย่าง เพื่อที่จะทำให้คุณได้กาแฟรสเยี่ยมไว้ดื่มเองที่บ้าน เพราะกาแฟแก้วแรกของวัน อาจทำให้วันนั้นของเราดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยก็ได้
เกือบลืมเรื่องสำคัญไป นั่นก็คือเรื่องของการหาซื้ออุปกรณ์สำหรับชงกาแฟ ทุกวันนี้เราสามารถหาซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบายมากกว่าเมื่อก่อนมาก มีทั้งร้านขายกาแฟมากมายแทบจะทุกจังหวัด มีอุปกรณ์กาแฟให้คุณเลือกมากมายหลากหลาย นอกจากนี้บนร้านค้าออนไลน์ก็ยิ่งมีให้คุณเลือกมากขึ้นไปอีก หากคุณไม่รู้จะเริ่มยังไง หรือซื้ออุปกรณ์อะไร ลองไปคุยกับบาริสต้าในร้านกาแฟดูก็ได้ แต่ต่อไปนี้เราจะมาคุยกันเรื่องขององค์ประกอบพื้นฐานกันก่อน

เมล็ดกาแฟ
ก่อนที่เราจะทำ การชงกาแฟ แน่นอนเราจะต้องมีเมล็ดกาแฟ แนะนำให้เลือกเมล็ดกาแฟแบบเต็มเมล็ด มากกว่าเมล็ดกาแฟที่บดมาเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ก็เพราะว่าเมล็ดกาแฟที่ผ่านการบดมาเรียบร้อยแล้ว ทั้งกลิ่นหอมและรสชาติอาจจะมีการจางหายไปได้อย่างรวดเร็ว ส่วนเรื่องของรสชาติที่เราอยากจะได้ จะแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมและความชอบส่วนตัวเลย
บางคนอาจชื่นชอบกาแฟที่มีกลิ่นดอกไม้และผลไม้อย่างชัดเจน หรือบางคนอาจจะชอบไปในโทนเข้มอย่างช็อกโกแลต ไม่ว่าคุณจะชอบกาแฟแบบไหน ลองสอบถามบาริสต้าเพื่อให้แนะนำกาแฟตัวนั้นๆดู และหากเราเจาะลึกไปในเรื่องของเมล็ดกาแฟอีก เราอาจจะลองดูว่าเราอยากได้กาแฟแบบคั่วเข้ม กาแฟคั่วอ่อน หรือกาแฟที่ผ่านการขั้วแบบไหน
และจำไว้ว่า รสชาติของกาแฟของเรา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงเมล็ดกาแฟว่าเป็นแบบไหนเท่านั้น ยังมีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องมากมายอย่างเรื่องของอุณหภูมิน้ำ เบอร์บดกาแฟที่เราใช้ หรือหากลึกกว่านั้นยังมีปัจจัยอื่นอีกมากมาย
เคล็ดลับในการเก็บรักษากาแฟ
โดยปกติแล้วในฉลากบนถุงกาแฟของเรา จะมีวันที่คั่วกาแฟระบุเอาไว้ด้วย ซึ่งตัวเลขนี้มีความสำคัญมาก กาแฟนับเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ดังนั้นจึงมีอายุการเก็บรักษา แต่ละตัวก็จะมีอายุแตกต่างกันออกไป หากจะให้แนะนำ อยากจะให้ซื้อมาพอควรเท่าที่เราจะดื่มเท่านั้น อาจจะเป็นในเดือนนั้นๆ และวิธีการในการเก็บรักษา แนะนำให้เก็บกาแฟในภาชนะ หรือบรรจุภัณฑ์ที่แน่นหนา ไม่โดนแสงแดดหรืออากาศ อยู่ในอุณหภูมิห้อง และไม่ควรเก็บไว้ในตู้เย็น เพราะกาแฟจะดูดทรัพย์กลิ่นของอาหารอื่นๆ ในตู้เย็นของเรามาไว้ ด้วย
อุปกรณ์การชงกาแฟและตัวกรอง
มีอุปกรณ์ การชงกาแฟ มากมาย ที่ผู้เริ่มต้นชงกาแฟนั้นสามารถที่จะเลือกได้ สิ่งสำคัญที่เราควรหยิบมาพิจารณาคือ เราอยากได้รสชาติกาแฟของเราเป็นแบบใด รวมถึงเรื่องของความสะดวกสบายในการใช้งานด้วย
ยกตัวอย่างเช่นถ้าหากเราอยากจะดริปกาแฟกินเอง แน่นอนว่าดริปเปอร์ที่มีชื่อเสียงก็อาจจะเป็น Hario V60 หรือ Kalita Wave หรืออาจจะเป็น Chemex หากคุณอยากได้ดีไซน์ที่มีความสวยงามแปลกใหม่ การดริปกาแฟดื่ม กาแฟของเรามีแนวโน้มที่จะมีความคลีนสูงกว่าแบบแช่ หรือหากอยากจะเลือกการสกัดกาแฟแบบแช่ก็มีตัวเลือกให้คุณเลือกด้วยกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น AeroPress, French Press หรืออาจเป็น Clever Dripper ก็ได้ หากเป็นการแช่กาแฟของเราจะมีบอดี้ที่หนาขึ้น
ไม่เพียงแค่ที่เรายกตัวอย่างมานี้ สำหรับอุปกรณ์ชงกาแฟยังมีอีกด้วยกันมากมายหลากหลายประเภท เราอาจพบกับดริปเปอร์ที่มีหน้าตาแปลกใหม่ ผลิตขึ้นจากวัสดุหลากหลาย อุปกรณ์ชงกาแฟที่เราใช้งานขณะที่เราเดินทางไปไหนมาไหน เครื่องชงกาแฟ Batch Brewer และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีเครื่องชงกาแฟ syphin ที่เป็นเครื่องชงกาแฟแบบดั้งเดิมซึ่งมีความซับซ้อน ตรงนี้ให้เป็นขั้นต่อไป หากเราเริ่มต้นอยากจะให้เริ่มอะไรที่ไม่ซับซ้อนและได้เรียนรู้ เพื่อให้ได้เข้าใจง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้น่าจะดีกว่า
เรื่องของตัวกรองหรือฟิลเตอร์ก็สำคัญ อุปกรณ์ชงกาแฟแต่ละตัว ก็จะใช้ตัวกรองที่แตกต่างกัน มีทั้งแบบตัวกรองผ้า ตัวกรองที่เป็นโลหะ หรือที่ยอดนิยมก็จะเป็นกรองกระดาษ ตัวปลอมที่แตกต่างกันก็จะทำหน้าที่ดักจับน้ำมันที่อยู่ในกาแฟได้มากหรือน้อยแตกต่างกัน
เคล็ดลับสำหรับเรื่องของอุปกรณ์ชงกาแฟ
เราควรที่จะรักษาอุปกรณ์ชงกาแฟของเราให้สะอาดอยู่เสมอ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเราล้างทำความสะอาดอุปกรณ์เหล่านี้ โดยเฉพาะน้ำมันที่อาจหลงเหลืออยู่ยังหมดจด ไม่อย่างนั้นเราอาจได้รถของกาแฟเก่าหากเราชงกาแฟในครั้งต่อไป กระดาษกรองของเรา เราก็ควรที่จะล้างก่อนนำมาใช้งาน โดยการใช้น้ำร้อนที่เราชงกาแฟ เพื่อที่จะขจัดรสชาติที่เหมือนกระดาษออกไป กาแฟของเราจะเป็นกาแฟที่มีความสะอาดมากขึ้น
แล้วอย่าลืมวอร์มอุปกรณ์ชงกาแฟของเรา ก่อนที่เราจะทำการชงหรือการสกัดกาแฟเสมอ เนื่องจากหากอุปกรณ์ชงกาแฟของเราร้อนหรืออุ่นอยู่ เมื่อเราชงกาแฟไป อุณหภูมิของกาแฟของเราจะไม่เย็นลงอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้มีผลต่ออุณหภูมิของเครื่องดื่มของเรามาก

การบดกาแฟ
เรื่องของการบดกาแฟนั้นง่ายและตรงไปตรงมา ยิ่งเราบดกาแฟใหม่ กาแฟของเราก็จะยิ่งสด และหอม นี่คือเหตุผลที่เราแนะนำให้ซื้อเมล็ดกาแฟแบบเต็มเมล็ดมาบด
โดยปกติเครื่องบดกาแฟ จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือแบบที่ใช้เฟืองและแบบที่ใช้ใบมีด โดยทั่วไปแล้วเครื่องบดที่ใช้เฟืองนั้นได้รับความนิยมมากกว่า และบดกาแฟออกมาได้ดีกว่า แบบเฟืองนั้นจะบดกาแฟได้สม่ำเสมอมากกว่า ซึ่งความสม่ำเสมอนี่เองถือเป็นปัจจัยที่สำคัญ ทำให้เราทำกาแฟที่อร่อยออกมาได้ซ้ำๆ และเหมือนกันทุกครั้ง แต่เครื่องบดกาแฟแบบใบมีดอาจมีราคาที่ถูกกว่า ถ้าจะให้แนะนำอยากให้ลงทุนกับเครื่องบดกาแฟแบบที่ใช้เฟือง ซึ่งสามารถที่จะทำให้กาแฟของเรามีคุณภาพ อาจจะเลือกแบบราคาที่เหมาะสมก็ได้
เรื่องต่อไปที่จะมาคุยกันคือเรื่องของขนาดเบอร์บด เราจะบดกาแฟแบบละเอียดหรือหยาบขนาดไหน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์การชงกาแฟ หรือวิธีการชงกาแฟที่เราเลือก ขึ้นอยู่กับเมล็ดกาแฟ และขึ้นอยู่กับรสนิยมความชอบส่วนตัวของเราด้วย
เรื่องนี้ก็ไม่ได้ยากเย็นหรือซับซ้อนอะไร ยิ่งเราบดกาแฟละเอียดมากขึ้น การสกัดกาแฟก็จะยิ่งมากขึ้น เนื่องจากพื้นผิวที่กาแฟจะสัมผัสกับน้ำ จะใช้เวลามากขึ้น หากเป็นการชงกาแฟแบบไหลผ่าน กาแฟกับน้ำจะใช้เวลาในการสัมผัสกันน้ำยิ่งขึ้น หากเป็นแบบแช่ กาแฟกับน้ำจะสัมผัสกันในอัตราที่มากยิ่งขึ้น และยิ่งเป็นการบดหยาบ การสกัดกาแฟก็จะยิ่งน้อยลง จะตรงกันข้าม หากกาแฟของเราถูกสกัดออกมาในปริมาณที่น้อย (เรียกว่าอันเดอร์) เราจะได้รสเปรี้ยว หากาแฟของเราถูกสกัดออกมาในปริมาณที่มาก (เรียกว่าโอเวอร์) เราจะได้รสขมมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหากาแฟของคุณมีรสเปรี้ยวจนเกินไป เราอาจทำการบดกาแฟให้ละเอียดขึ้น ในทางกลับกันหากมันขมมากเกินไปหรือเข้มจนเกินไป เราอาจจะต้องบดกาแฟหยาบขึ้น
แต่ถึงจะบอกแบบนั้น เรื่องของเบอร์บดก็ไม่ใช่เรื่องเดียวที่ส่งผลต่อการสกัดกาแฟ การชงกาแฟนั้นเป็นอะไรที่มีความละเอียดอ่อน แล้วมีปัจจัยมากมายต้องควบคุม เราอาจจะต้องทำให้มันสมดุล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเบอร์บดที่เราคุยกัน หรือระยะเวลาในการชง หรือแม้แต่เรื่องอุณหภูมิของน้ำก็ส่งผลต่อการสกัดด้วยเช่นเดียวกัน ตัวแปรเหล่านี้ อาจมีการชดเชยกันได้ด้วย ซึ่งหากอยากรู้รายละเอียดก็น่าจะต้องเรียนรู้ต่อไป
เคล็ดลับสำหรับการบดกาแฟ
เราควรบดกาแฟเท่าที่เราต้องการใช้ชงในครั้งนั้นๆ มีตัวเลขทางทฤษฎีว่า รสชาติ กลิ่น และสารประกอบในกาแฟของเราจะสูญเสียไป หลังจากที่บดกาแฟผ่านไปแล้วประมาณ 15 นาที และก็เช่นเดียวกับอุปกรณ์ชงกาแฟของเรา เครื่องบดกาแฟเราก็จำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดหลังจากการใช้งาน ไม่เช่นนั้นเราอาจได้กลิ่นกาแฟเก่าและเหม็นหืนในการชงกาแฟแก้วต่อไปก็ได้
อัตราส่วนการสกัด
เรื่องของอัตราส่วนการสกัด คืออัตราส่วนระหว่างกาแฟกับน้ำ ซึ่งอัตราส่วนเท่าไหร่ มีสูตรอยู่มากมายในอินเทอร์เน็ตให้เราได้ลองค้นหาดู
สำหรับผู้ที่เริ่มต้น หรือแม้แต่ผู้ที่ชงกาแฟดื่มมานานแล้ว เราจะคุ้นเคยกับการใช้อัตราส่วนการสกัดโดยน้ำหนัก ซึ่งจะมีความแม่นยำและสม่ำเสมอมาก แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ อัตราส่วนการสกัดมีอีกวิธี คือการใช้ปริมาตร ซึ่งอาจเป็นวิธีที่แม่นยำยากกว่า และหากจะไม่คุ้นชินกันเท่าไหร่นัก ดังนั้นแนะนำให้ใช้อัตราส่วนโดยน้ำหนัก
เครื่องชั่งน้ำหนัก ค่อนข้างมีความจำเป็นสูง และเราอาจจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องชั่งน้ำหนักที่มีราคาสักนิด ที่สามารถชั่งน้ำหนักได้ถึงขั้น 0.1 กรัม เนื่องจากในการสกัดกาแฟ เราอาจจะต้องแม่นยำเกี่ยวกับน้ำหนักอยู่พอสมควร
เทอร์โมมิเตอร์
อุณหภูมิของน้ำที่เราใช้ในการชงกาแฟ ส่งผลต่อรสชาติกาแฟของเราอย่างแน่นอน มีตัวเลขอุณหภูมิสำหรับการชงกาแฟที่เป็นที่นิยมและอยากจะแนะนำ นั่นก็คืออุณหภูมิอยู่ที่ 90-96 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีและเหมาะสม จะมากน้อยเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับกาแฟที่เราใช้ รวมถึงความชอบส่วนตัวของเราด้วย
แล้วเรื่องนี้ก็ตรงไปตรงมา อุณหภูมิของน้ำยิ่งร้อน ระดับการสกัดกาแฟของเราก็ยิ่งมากขึ้น กาแฟของเราก็จะยิ่งขมยิ่งขึ้น ดังนั้นหากกาแฟของเรามีรสเปรี้ยวเกินไป ครั้งหน้าให้ลองใช้น้ำที่อุณหภูมิสูงขึ้นมา หากขมเกินไปให้ต่ำลงมา
หลายคนอาจจะสงสัยว่าเรื่องของอุณหภูมิมันทำให้เราเปลี่ยนรสชาติได้ขนาดนั้นจริงหรือไม่ คุณอาจจะลองทดสอบโดยการชงกาแฟแบบเดียวกันทั้งหมด กาแฟตัวเดียวกัน สูตรการชงเดียวกัน แต่ใช้อุณหภูมิน้ำที่แตกต่างกัน จากนั้นลองทำการ blind taste ดู คุณอาจสังเกตเห็นถึงความแตกต่างได้
เครื่องจับเวลา
เวลาที่เราใช้ในการชงมีผลอย่างมากต่อรสชาติของกาแฟของเรา ไม่ว่าคุณจะใช้สูตรการชงกาแฟแบบใด สิ่งสำคัญมากที่สุดคือ เราจะต้องรู้อยู่เสมอ ว่าในแต่ละครั้งเวลาที่เราใช้ในการชงกาแฟเป็นเท่าไหร่ ส่วนเรื่องของเครื่องจับเวลาเชื่อว่าหลายคนน่าจะมีกันอยู่แล้ว ทั้งจากโทรศัพท์มือถือของคุณ หรือแม้กระทั่งจากเครื่องชั่งสำหรับการชงกาแฟก็มีการจับเวลาให้ด้วย
หากเรารู้เวลาที่เราใช้ในการชงกาแฟแต่ละครั้ง เราอาจปรับแก้ไขในส่วนตรงนี้ได้ การปรับเรื่องเวลายกตัวอย่างเช่น หากเราดริปกาแฟ ในช่วงแรกเราอาจจะเทน้ำให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ความเป็นกรดและรสชาติของผลไม้ออกมามากขึ้น หรือหากเราอยากได้บอดี้ที่หนาและมากยิ่งขึ้น อาจทำการเทน้ำให้ช้าลงและใช้เวลานานขึ้น สำหรับการชงกาแฟแบบแช่อื่นๆ อย่าง French Press, AeroPresse หรือ Clever Dripper นั้นค่อนข้างง่ายกว่ามาก เพียงแค่เพิ่มระยะเวลาที่เราใช้ในการแช่กาแฟ

และเหล่านี้ทั้งหมดเป็นพื้นฐานสำหรับการชงกาแฟ ที่เราสามารถทำได้เองที่บ้าน พยายามทำให้ง่ายและสนุกมากที่สุด และเราจะมีความสุขกับการชงกาแฟ โชคดีที่เราสามารถหาสูตรการชงกาแฟได้มากมายหลากหลายบนอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นสูตรการชงกาแฟแบบคนทั่วไป หรือสูตรการชงกาแฟแบบแชมป์ก็มีให้คุณได้หาดูและลองทำตาม
เมื่อเราเชี่ยวชาญในการชงกาแฟของเราแล้ว เราอาจเริ่มทำการปรับปรุง ลองเล่นกับอัตราส่วนการสกัด หรือแม้กระทั่งลองใช้วิธีการชงแบบอื่นๆ เพื่อให้ได้กาแฟที่มีความเหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด เมื่อเราทำแบบนั้นได้แล้ว เราจะมีความสุขและสนุกกับการชงกาแฟของเรามากยิ่งขึ้น และการชงกาแฟก็จะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อเลย