กว่าจะมาเป็น เครื่องชงกาแฟ AeroPress - กาแฟดอยไทย

กว่าจะมาเป็น เครื่องชงกาแฟ AeroPress

เราปฏิเสธไม่ได้เลย ว่า เครื่องชงกาแฟ AeroPress นับว่าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์สกัดกาแฟยอดนิยมสำหรับใครหลายคนไปแล้ว ทั้งผู้บริโภคกาแฟทั่วไป รวมถึงตามร้านกาแฟทั้งแบบสปีดบาร์และสโลว์บาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมกาแฟพิเศษด้วยแล้ว AeroPress ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก ทั้งบรรดาบาริสต้าและผู้รังสรรค์เมนูกาแฟมากมาย ต่างใช้ AeroPress ในการคิดค้นสูตร และวิธีการในการสกัดกาแฟออกมามากมายหลากหลาย ซึ่งเปิดมุมมองด้านกาแฟสมัยใหม่ให้เราได้มากเลยทีเดียว

แต่หาเราย้อนดู เครื่องชงกาแฟ AeroPress ได้เริ่มมีการคิดค้นเครื่องชงกาแฟนี้ตั้งแต่ปี 2005 ดีไซน์ รูปทรง และการผลิตออกมานั้นเหมือนเดิมแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลยตั้งแต่ตอนนั้น จนกระทั่งในปี 2019 ได้มีการเกิดขึ้นของ AeroPress Go ซึ่งเป็นอุปกรณ์ชงกาแฟที่เหมาะสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น จากการที่ผู้บริโภคเรียกร้องมากยิ่งขึ้น AeroPress ก็ได้มีรุ่นใหม่ ๆ ออกมา อย่าง AeroPress Clear ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนตั้งตารอ

AeroPress Cover

ดังนั้นในบทความนี้  ผมจะพาคุณไปดูวิวัฒนาการของเครื่องชงกาแฟ AeroPress ที่น่าจะถูกใจสายฟิลเตอร์ และผู้ที่มักจะเดินทางไปไหนมาไหนอยู่เสมอ AeroPress มีรุ่นใหม่ใดออกมาให้เราได้ลองใช้งานกันบ้าง และวิธีการใช้งานเหล่านี้แตกต่างกันอย่างไร

ประวัติความเป็นมาของ AeroPress

AeroPress นับว่าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ชงกาแฟที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายและรู้จักกันมากที่สุดอย่างหนึ่งเลยในอุตสาหกรรมกาแฟ ถูกคิดค้นขึ้นโดยอดีตอาจารย์ด้านวิศวกรรม Alan Adler ในปี 2004 เครื่องชงกาแฟ AeroPress เครื่องแรกจะมีลักษณะเป็นสีน้ำเงินใส เปิดตัวให้โลกได้เห็นอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2005 ในงาน CoffeeFest ในซีแอตเทิล หลังจากเวลานั้นไม่นาน AeroPress ก็กลายเป็นอุปกรณ์ชงกาแฟที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม

แต่หากเราลองสังเกตดู ตังแต่ AeroPress เปิดตัวในปี 2005 นับแต่นั้นมาการออกแบบเครื่อง AeroPress ก็ยังคงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร จะมีก็แค่ทุกช่วงประมาณ 2-3 ปี สีของโลโก้ กับการออกแบบตัวเลขที่อยู่ด้านข้างจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะโดยปกติ AeroPress ก็เป็น เครื่องชงกาแฟ ที่มีฐานแฟน ๆ ที่ชื่นชอบมาก ๆ อยู่แล้ว เพราะการสกัดกาแฟที่ยอดเยี่ยมนั่นเอง

แต่แล้วในปี 2009 AeroPress ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงวัสดุที่ใช้ในการผลิต โดยปกติ AeroPress รุ่นก่อน หรือรุ่นแรกนั้นทำมาจากโพลีคาร์บอเนต แต่รุ่นในปี 2009 มีการเริ่มใช้โคโพลีเอสเตอร์ที่ปลอดสาร BPA สาเหตุหลัก ๆ ก็เป็นเพราะว่าในช่วงนั้น โลกของเราเริ่มที่จะหันมาให้ความสนใจและมีความกังวลด้านสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น ดังนั้นบรรดาบรรจุภัณฑ์ หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะต้องเป็นวัสดุที่ปลอดสาร BPA ซึ่งก็คือสารเคมีที่ใช้ในการผลิตพลาสติกและเรซินบางชนิด ยังมีการวิจัยพบว่า สาร BPA สามารถที่จะซึมเข้าไปในอาหารและเครื่องดื่มได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุณหภูมิที่สูงขึ้น อย่างการชงกาแฟโดยใช้น้ำร้อนเป็นต้น

ยิ่งไปกว่านั้น เมี่อเราได้รับเข้าสู่ร่างกายผ่านทางการกินเข้าไป แม้ว่าจะในปริมาณที่น้อยมาก ๆ ก็ตาม BPA ก็จะไปทำให้ฮอร์โมนในร่างกายของเรามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง มันส่งผลเสียต่อการผลิตฮอร์โมน และไปรบกวนกิจกรรมตามธรรมชาติของฮอร์โมน ทำให้อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์

ด้วยข้อกังวลเหล่านี้เอง AeroPress ได้ทำการทดสองโพลีคาร์บอเนต ที่ใช้ในการผลิตอุปกรณ์ชงกาแฟในตอนนั้น ถึงแม้ว่าผลทดสอบที่ได้ คือไม่ได้มีการดึงเอา BPA ในตัววัสดุออกมาเมื่อใช้งาน แต่ในตอนนั้นด้วยข้อกังวลดังกล่าว ทำให้บริษัทตัดสินใจเปลี่ยนเป็นวัสดุที่ปลอดสาร BPA ในที่สุด

ดีไซน์ และการออกแบบสี AeroPress รุ่นใหม่

AeroPress ได้ออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นสีเทาควัน ครั้งแรกก็ในปี 2010 และอีกประมาณ 4 ปีต่อมา ทางบริษัทก็ได้เปลี่ยนสีของตัวเลขจากสีน้ำเงินเป็นสีทอง โดยมีชื่อแบรนด์ “AeroPress” ถูกพิมพ์ไว้ที่ด้านข้างของเครื่อง และนี่เองคือรูปแบบและดีไซน์ของเครื่องสกัดกาแฟ AeroPress ที่เราใช้งานกันในปัจจุบัน

ในระหว่างช่วงปี 2014-2019 AeroPress เองได้ทำการทดลอง มีการดีไซน์และใช้วัสดุที่มีความหลากหลายมาก ๆ โดยตัวอย่างการทดลองของ AeroPress ในช่วงเวลานั้นก็เช่น

  • มีการเปลี่ยนสีตัวอักษรจากเดิมสัเบจเป็นสีฟอยล์ทอง
  • การใช้วัสดุโพรพิลีนในการผลิตเครื่อง
  • เปลี่ยนบริเวณตัวอุปกรณ์จากสีเข้มเป็นสีเทาที่มีความอ่อนลง

แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางปี 2019 ทางบริษัทเองก็ได้มีการออกแบบซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สุด ด้วยการเปิดตัว AeroPress Go ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่พกพาได้ง่ายของ AeroPress ออกแบบมาเพื่อเอาใจสายเดินทาง ตัวอุปกรณ์ขนาดเล็กที่มาพร้อมกระเป๋าเก็บสำหรบพกพา พร้อมยังแถมแก้วมาให้ด้วยถึง 2 ใบ

AeroPress Coffee Brewer

ยังมีการผลิตเครื่องรุ่นใหม่ ๆ ออกมาและได้มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง อย่างรุ่นใหม่ที่มีการใช้ตัวอักษรสีแดง หลายปีที่ผ่านมา AeroPress ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมามากมาย นั่นรวมถึงตัวฟิลเตอร์ที่เรราสามารถใช้ซ้ำได้ ซึ่งทำมาจากสเตนเลสสตีล และยังมีฝาปิดที่มีวาล์วสำหรับปรับแรงดันเพื่อช่วยในการเพิ่ม หรือลดอัตราการสกัด นอกจากนี้ทางบริษัทเองยังได้ทำการรีแบนด์ใหม่ โดยมีการเปลี่ยนโดลโก้และบรรจุภัณฑ์ รวมถึงเปลี่ยนสีตัวอักษรเป็นสีขาวอีก

การเปลี่ยนแปลงล่าสุดของ AeroPress

จากทั้งหมดที่กล่าวมาเราจะเห็นได้เลยว่า AeroPress มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ ทั้งเล็กและใหญ่ในช่าวงที่ผ่าน ๆ มา และเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง ได้มีการออกแบบดีไซน์ใหม่ที่น่าสนใจ โดยการนำแนวคิดและดีไซน์ดั้งเดิมของ AeroPress กลับมาใช้งานอีกครั้ง ในชื่อ Clear ที่เพิ่งจะเปิดตัวด ๆ ร้อน ๆ ในเดือนพฤษภาคม 2023 ที่ผ่านมา

สำหรับนักสะสมตัวยง AeroPress รุ่นแรกที่มีลักษณะสีใส ถือเป็นสิ่งที่ต้องหามาสะสมให้ได้ ตัว AeroPress Clear หากดูภายนอกก็ดูเหมือนกับ AeroPress ตัวคลาสสิก เพียงแค่เปลี่ยนวัสดุ ซึ่งทำมาจากพลาสติก Tritan ซึ่งพลาสติกประเภทนี้ถือเป็นพลาสติกแบบใหม่ และแน่นอนคือ ปลอดสาร BPA นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติทนต่อแรงกระแทกด้วย โดยปกติ AeroPress ขึ้นชื่อในเรื่องของการพกพาสะดวกสบาย ความทนทาน และมีความยืดหยุ่นสูงอยู่แล้ว การที่ออก Clear มา นอกจากดูดี มีความคลาสสิกแล้ว ยังทนทานและมีความยืดหยุ่นสูงด้วย

การมาถึงของ Clear ทางบริษัทไม่ได้ออกแบบมาโดยบังเอิญ หากเราลองดูผลิตภัณฑ์สมัยใหม่ทุกวันนี้ไม่ว่าจะอะไรก็ตาก การเป็นกระแสในโซเชียลมีเดียถือว่าเป็นจุดขายที่ยอดเยี่ยมในแง่ของการตลาด การออกแบบ Clear ที่มีลักษณะเดียวกับ AeroPress รุ่นแรก ไม่ถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญแน่นอน หากลองเทียบดูยอดขายของรุ่นแรก ที่ออกมาอย่างถล่มทลาย และยังตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี และ Clear ที่ทำออกมาได้ในลักษณะนั้น บวกกับการพยายามผลักดันให้เป็นกระแสทางโซเชียลมีเดียอีก รับรองว่าสุดยอดแน่นอน

ดีไซน์ใหม่ กับการสกัดกาแฟของ AeroPress

AeroPress ถือว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับสกัดกาแฟ หรือวิธีการในการสกัดกาแฟที่สามารถทำได้ง่ายและเข้าถึงง่ายมานานแล้ว และเมื่อเราหยิบเอาเครื่องรุ่นใหม่อย่างเคลียร์มาใช้งาน ด้วยวัสดุที่มีความโปร่งใสเป็นทุนเดิม ทำให้สามารถที่จะเห็น และควบคุมตัวแปรการสกัดกาแฟของเราได้มากขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นบาริสต้าหรือคนที่ทำกาแฟดื่มเองที่บ้าน เราจะได้เห็นทุกกระบวนการในขณะที่กาแฟสกัดออกมา นั่นหมายความว่าหากเกิดข้อผิดพลาดประการใด อย่างเช่นการสกัดกาแฟที่ไม่สม่ำเสมอ เราก็จะสามารถจัดการและแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อย่างในการสกัดกาแฟโดยใช้ AeroPress เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากาแฟกับน้ำบริเวณไหน ที่ไม่ถูกสกัด หรือมีกาแฟเกาะกันอยู่เป็นก้อน เราอาจจะทำการคนกาแฟ หรือรบกวนการสกัดเพื่อให้การสกัดกาแฟออกมาได้ดีมากขึ้นได้ นอกจากนี้เรายังสามารถดูในเรื่องของความสูงหรือระดับน้ำ และความเร็วในการสกัดกาแฟได้อีกด้วย

สิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นอะไรที่มีประโยชน์มาก ๆ สำหรับทั้งบาริสต้าและผู้ที่ทำกาแฟดื่มเองที่บ้าน โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ที่อาจจะไม่คุ้นเคยกับเครื่อง AeroPress หรือการสกัดกาแฟพิเศษทั้งหลาย อย่างน้อยที่สุดมันสร้างประสบการณ์ในการชงกาแฟ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่จะเกิดขึ้นได้กับการใช้ AeroPress

AeroPress and Barista

AeroPress Clear เหมาะกับใคร

โดยพื้นฐานแล้ว รุ่น Clear ดังกล่าวนี้ มีทั้งดีไซน์ รูปร่าง และขณะที่มีความใกล้เคียงกับรุ่นดั้งเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นหากใครที่เคยใช้ AeroPress รุ่นเดิม ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงตัวแปรใดมากมายนัก และไม่ว่าคุณจะมีทักษะหรือความสามารถในการชงกาแฟอยู่ในระดับใดก็ตาม โดยพื้นฐานของการใช้ AeroPress แล้ว มันค่อนข้างที่จะตอบโจทย์อยู่แล้วทั้งมือใหม่และมือเก่า

อาจจะมีเทคนิคเล็กน้อยบางอย่างสำหรับการรบกวนการสกัดกาแฟ ยกตัวอย่างเช่นการคนกาแฟ ที่เราจะทำอยู่แล้วในขณะที่เราใช้ AeroPress โดยปกติหากว่าเราควรกาแฟมากจนเกินไป กาแฟจะไหลกองมารวมกันอยู่ตรงกลางคล้ายกับโดม บางครั้งการทำแบบนี้อาจทำให้การสกัดไม่สม่ำเสมอ คำแนะนำอีกอย่างคือ การกดลูกสูบลงไป อยากจะให้ลองใช้เวลากับมันสักนิด เพื่อให้การสกัดกาแฟสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าระดับของแรงดันสำหรับเครื่อง AeroPress จะไม่เท่ากับเครื่องชงเอสเพรสโซ โดยปกติ AeroPress จะมีแรงดันอยู่ที่ประมาณ 0.5-1 บาร์ การค่อย ๆ กดลงไปอย่างช้า ๆ จะทำให้น้ำไหลผ่านกาแฟบดของเราได้สม่ำเสมอ

การทดลองกับสูตรชงกาแฟที่หลากหลาย

ก็เหมือนกับการใช้เครื่องชง AeroPress รูปแบบทั่วไป หรือการสกัดกาแฟด้วยกรรมวิธีการอื่นอีกมากมาย การปรับตัวแปรการชงและการทดลองใช้เทคนิคใหม่ ๆ ก็ยังคงถือเป็นกุญแจสำคัญเพื่อที่จะทำให้ผลลัพธ์กาแฟของเราออกมาดีและยอดเยี่ยมที่สุด และยิ่งในปัจจุบันการพยายามหาสูตรหรือเทคนิคต่าง ๆ เหล่านี้ ทั้งจากผู้ชงกาแฟทั่วไป บาริสต้า รวมถึงแชมป์ด้านกาแฟมากมายเป็นอะไรที่ค่อนข้างง่ายดาย การลองทำตามสูตรเหล่านี้ก็ดูไม่เสียหายอะไร มีทั้งวิธีการที่ง่ายดาย รวดเร็วและสะดวกสบาย ไปจนถึงวิธีการที่มีความซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นก็น่าลองทำอยู่เหมือนกัน

แม้แต่กับเครื่องสกัดกาแฟ AeroPress นี้ พี่ดูเหมือนจะเป็นเครื่องสกัดกาแฟที่มีความเรียบง่าย แต่ก็ยังมีเทคนิคและวิธีการใช้งานใหม่ที่มีความหลากหลายมากอยู่ด้วย

อนาคตของ AeroPress

ในปี 2023 นี้ เรามีโอกาสได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เปรียบเสมือนการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่การเปิดตัว AeroPress Go ในปี 2019 คำถามคือเราจะเห็นสิ่งใดในอนาคตต่อไปของ AeroPress

1 เดือนหลังจากการเปิดตัว AeroPress Clear หรือก็คือในเดือนมิถุนายน 2023 บริษัทยังมีการพัฒนา AeroPress XL ซึ่งเป็นรุ่นที่มีขนาดใหญ่เป็นเท่าตัวของ AeroPress แบบดั้งเดิม โมเดลนี้ถูกออกแบบมาสำหรับบาริสต้าและผู้ที่ต้องการชงกาแฟดื่มเองที่บ้าน ที่ต้องการที่จะเตรียมกาแฟจำนวนมาก โดยออกแบบให้มีโถสกัดขนาด 20 ออนซ์ หรือ 591 มิลลิลิตร ซึ่งเข้ากันได้กับรูปทรงของ AeroPress XL

ด้วยการเปิดตัวดังกล่าว และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆจาก AeroPress แสดงให้เห็นถึงการพยายามที่จะเติบโตในฐานะแบรนด์ และการพยายามปรับตัวให้เข้ากับชุมชนกาแฟที่กำลังเติบโตและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับทุกวันนี้

AeroPress Brewing

สำหรับใครหลายคน AeroPress ถือว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับสกัดกาแฟที่ขาดไม่ได้ และเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญ ที่ผู้ที่ศึกษากาแฟจะต้องทำความรู้จักโดยเฉพาะกลุ่มกาแฟพิเศษ ด้วยความอเนกประสงค์และความสามารถในการเข้าถึงได้ของเครื่องนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ AeroPress กลายมาเป็นหนึ่งในเครื่องสกัดกาแฟ ที่ได้รับความนิยมสูงในอุตสาหกรรมกาแฟเสมอมา

นอกจากนี้ด้วยดีไซน์และการออกแบบที่มีความสวยงามทั้งแบบเก่าและแบบใหม่ ๆ ซึ่งทำให้เราเห็นได้ชัด ถึงการพัฒนาของบริษัทหรือแบรนด์ นั่นหมายความว่าเราสามารถที่จะคาดหวัง ดีไซน์หรือนวัตกรรมใหม่ในอนาคตอันใกล้และอันไกลจาก AeroPress ได้