ชา กาแฟ ความแตกต่างของเครื่องดื่มทั้งสอง - กาแฟดอยไทย

ชา กาแฟ ความแตกต่างของเครื่องดื่มทั้งสอง

เครื่องดื่มทั้งสองชนิดที่เป็นที่นิยมกันมากกว่าหลายร้อยปี และอยู่คู่กันมาในแทบจะทุกยุค ก็เห็นจะเป็น ชา กาแฟ ทั้งสองมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ใช้ดื่มเพื่อผ่อนคลาย ชาเป็นเครื่องดื่มที่ทำให้ผ่อนคลายจากการทำกิจวัตรมาทั้งวัน ในขณะเดียวกัน กาแฟเป็นตัวช่วยเพิ่มพลังงาน และพลังสมองก่อนที่จะทำกิจวัตรใด ๆ อีกทั้งยังมีประโยชน์ทางสังคม ใช้เป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์

เครื่องดื่มทั้งสอง นับว่ามีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพด้วยกันทั้งสิ้น วันนี้เราจะมาว่ากันด้วยเครื่องดื่มสองชนิดนี้ เปรียบเทียบข้อแตกต่าง และนี่ไม่ใช่การแข่งขัน เครื่องดื่มที่ดีทั้งสองไม่ควรมาแข่งขันกันเอง เพียงแค่ให้ข้อมูลเปรียบเทียบว่า เครื่องดื่มทั้งสองนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร

tea and coffee drinks

ถึงแม้ว่า เครื่องดื่มทั้งสองชนิดจะมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ชามักจะถูกเป็นที่พูดถึงในแง่ดีกว่า ชาถูกกล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่งของยาแผนโบราณ และมักถูกเลือกเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับการใช้เป็นยารักษาโรค ในทางกลับกัน กาแฟกลับถูกมองว่าเป็นเครื่องดื่มของปิศาจ หลายครั้งกาแฟมักถูกผูกติดกับอาการเจ็บป่วยบางอย่าง เช่น การปวดหัวไมเกรน และอาการคลื่นไส้ หากจะให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน เราจะพิจารณาองค์ประกอบ 3 อย่างคือ องค์ประกอบทางเคมี (ในที่นี้ที่เด่น ๆ คือคาเฟอีนที่อยู่ข้างในทั้ง ชา กาแฟ) รสชาติ และประโยชน์ต่าง ๆ ต่อสุขภาพ

ปริมาณคาเฟอีน

สารสำคัญที่อยู่ในทั้งชาและกาแฟคือคาเฟอีน สิ่งนี้มีประโยชน์ในการช่วยให้เรามีสมาธิจดจ่อ และทำให้ร่างกายตื่นตัว คาเฟอีนจะทำหน้าที่ในการสกัดกั้นอะดีโนซีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่กระตุ้นให้เราผ่อนคลายและง่วงนอน ดังนั้นคาเฟอีนจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครก็ตาม ที่รู้สึกง่วงนอนและอยากที่จะเติมพลังให้ตนเอง

กาแฟนั้น เป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากกว่าชาอย่างเห็นได้ชัด แต่หากนับในทางกลับกัน ใบชาจะมีคาเฟอีนที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติมากกว่าเมล็ดกาแฟตามธรรมชาติที่เป็นผลเชอรี่ แต่หากนำมาชงเป็นเครื่องดื่มแล้ว กาแฟจะมีความเข้มข้นสูงกว่า ในขณะที่ชาจะมีปริมาณคาเฟอีนที่บางเบากว่าเยอะ

โดยทั่วไปแล้ว กาแฟจะถูกชงในอุณหภูมิสูง นั่นทำให้คาเฟอีนที่อยู่ข้างในสามารถที่จะถูกปล่อยออกจากเมล็ดกาแฟมายังแก้วกาแฟของเราได้มากขึ้น ในทางกลับกัน เราจะชงชาในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า ซึ่งคาเฟอีนทั้งหมดจะไม่ได้ถูกสกัดจากใบชา อีกอย่าง การสกัดกาแฟนั้น เรามักจะสกัดแบบเข้มข้นสูง ซึ่งจะสกัดคาเฟอีนออกมาในเข้มข้นกว่า แต่ในใบชานั้นแตกต่างกัน นอกจากจะเป็นคาเฟอีนจากธรรมชาติ ยังจะถูกสกัดออกมาได้น้อยกว่าด้วย

โดยทั่วไปแล้ว กาแฟขนาด 8 ออนซ์ จะมีปริมาณคาเฟอีนอยู่ที่ 90-100 มิลลิกรัม และหากเป็นกาแฟคั่วเข้ม ก็อาจมีคาเฟอีนในระดับที่สูงขึ้น ใบชาอย่างชาดำหรือชาเขียวก็จะมีปริมาณคาเฟอีนที่แตกต่างกัน ตามหลักทั่วไปแล้ว ชาเข้มข้นสูงจะมีปริมาณคาเฟอีน 70-90 มิลลิกรัม อย่างในชาดำและชาเขียวมัทฉะ แต่ก็ยังมีชาบางชนิด เช่น ชาสมุนไพร ที่ไม่มีคาเฟอีนอยู่เลย

Iced Coffee Lemonade

รสชาติ

เรารู้ว่า ทั้งสองเครื่องดื่มนี้มีคุณประโยชน์กับร่างกายของเรามาก แต่สิ่งที่จะทำให้เราดื่มเครื่องดื่มทั้งสองได้ คือเรื่องของรสชาติ เราชอบรสชาติของชาหรือกาแฟมากกว่ากัน และเครื่องดื่มชนิดไหนที่จะทำให้เราชอบขนาดที่เราสามารถดื่มได้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะได้ประสิทธิภาพของเครื่องดื่มนั้นอย่างเต็มที่

โดยทั่วไปแล้ว กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติเข้มข้นกว่าชาหลายเท่า บางตัวหรือบางวิธีสกัดของกาแฟนั้น ทำให้สกัด Acidity ซึ่งเป็นกรดในกาแฟออกมาสูง ส่งผลให้กาแฟมีรสชาติเปรี้ยว หรือในบางตัวที่ระหว่างโพรเซสมีการหมักนาน กาแฟก็อาจมีรสเหมือนของหมักได้ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กาแฟก็ยังคงมีความหลากหลายในรสชาติ ในรสชาติของกาแฟก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยมากมาย

นอกจากกาแฟจะมีรสชาติขึ้นอยู่กับสถานที่ปลูก สภาพดิน ภูมิอากาศ ระดับความสูง โพรเซสที่ใช้กับกาแฟตัวนั้น จนไปถึงวิธีการคั่ว ชาก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน ชานั้นเป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติแตกต่างกันมากมาย ขึ้นอยู่กับความหลากหลายและสถานที่ปลูกเช่นเดียวกัน ความหลากหลายที่ว่านี้ เช่น ชาเขียว ชาดำ ชาขาว และชาอู่หลง ซึ่งเป็นชาแท้ รสชาติก็จะมีความเป็นชายอย่างแท้จริง จะเข้มข้นหรืออ่อนนุ่มก็ขึ้นอยู่กับแต่ละชนิด นอกจากนี้ยังมีชาสมุนไพร หรือชาที่ไม่ได้มาจากต้นชาจริง ๆ อย่างชาดอกไม้มากมาย

ดังนั้น หากให้เปรียบเทียบกัน เครื่องดื่มทั้งสองเป็นเครื่องดื่มที่มีความหลากหลายอยู่ในตัวเองโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ใครจะชอบแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนตัวของแต่ละคนจริง ๆ ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่า เครื่องดื่มชนิดไหนดีกว่ากัน บางคนอาจชอบรสอ่อน ๆ ของชากับสมุนไพร หรือบางคนอาจชอบความเปรี้ยวและกลิ่นดอกไม้ในกาแฟ หรือแม้แต่กลิ่นฟรุตตี้เหมือนกัน ชากับกาแฟก็ให้กันคนละอารมณ์กันอยู่ดี แต่หากอยากจะเลือกดื่มเครื่องดื่มชนิดใดชนิดหนึ่ง อย่าพยายามที่จะเพิ่มสารให้ความหวานอื่น ๆ ลงไปในเครื่องดื่มนั้น เพราะจะทำให้แทนที่เราจะได้ประโยชน์จากเครื่องดื่มนั้น อาจจะเป็นอันตรายมากกว่าเสียด้วยซ้ำไป

tea variety

ประโยชน์ต่อสุขภาพของชาและกาแฟ

อย่างที่เรารู้ว่า นอกจากคาเฟอีนแล้ว เครื่องดื่มทั้งสองชนิดมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเรามากมายเลยทีเดียว

ประโยชน์ของกาแฟ

ประโยชน์ต่อสุขภาพของกาแฟนั้น กาแฟสามารถที่จะป้องกันโรคเบาหวานประเภทที่ 2 อีกทั้งการดื่มกาแฟเป็นประจำทุกวัน ยังสามารถช่วยป้องกันโรคร้ายแรงอื่น ๆ นอกจากเบาหวาน มีนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิเคราะห์และศึกษาในงานเกือบ 20 ชิ้น เพื่อตรวจสอบว่า กาแฟนั้นมีผลในการป้องกันโรคใดบ้าง ผลที่ได้นอกจากโรคเบาหวานแล้ว กาแฟยังมีผลในการป้องกันโรคมะเร็งบางชนิดและโรคอื่น ๆ อีกมากมายด้วย

นอกจากนี้ คาเฟอีนที่อยู่ภายในนั้น จะช่วยเพิ่มระดับของอะดรีนาลีนในเลือด หมายความว่า เราจะมีพลังในการทำงานหรือใช้ชีวิตที่สูงขึ้น และการตอบสนองจะรวดเร็วขึ้นเมื่อต้องออกกำลังกาย จากการศึกษาพบว่า คาเฟอีนน้ำสามารถเพิ่มประสิทธิภาพทางกายได้โดยเฉลี่ย 12 เปอร์เซ็นต์ และนี่มีประโยชน์อย่างยิ่ง สำหรับใครที่ต้องการออกกำลังกายที่มีการใช้แรงมาก ๆ หรือออกเป็นเวลานาน โดยการที่รับคาเฟอีนสูงขึ้น จะช่วยในการผลักดันกิจกรรมที่ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานได้

กาแฟยังประกอบด้วยสารอาหารที่จำเป็นอื่น ๆ เช่นวิตามินบี และสารประกอบตามธรรมชาติอย่างแมงกานีสและโพแทสเซียม สารอาหารเหล่านี้จะช่วยในการสนับสนุนการทำงานของอวัยวะ และต่อสู้กับโรคหวัดและไวรัสอื่น ๆ ในกาแฟนั้นมีวิตามินบีอยู่ 11 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณวิตามินบีที่ร่างกายต้องการต่อวัน ดังนั้นแค่เราดื่มกาแฟ 2-3 แก้ว ก็เท่ากับว่าเรา ได้บริโภควิตามินและสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสมแล้ว

นอกจากนี้ กาแฟยังมีประโยชน์อีกมากมายหลากหลายที่ไม่ได้กล่าวถึง เช่น การดื่มกาแฟเป็นประจำมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการลดน้ำหนักได้ และยังช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับหัวใจ หรือการทำงานของสมองด้วย

espresso machine

ประโยชน์ของชา

ประโยชน์ต่อสุขภาพที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาคือ ชานั้นมีความสามารถในการป้องกัน และอาจจะมีความสามารถมากกว่าตั้งค่าเซลล์มะเร็งบางชนิด จากงานวิจัย แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างชากับการ ป้องกันความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน ซึ่งนำไปสู่โรคมะเร็ง ในชานั้นเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยขจัดอนุมูลอิสระ และป้องกันความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันที่อาจทำให้เกิดมะเร็งตับและมะเร็งเต้านม สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้เปิดเผยการทดลองในคลินิก เกี่ยวกับการศึกษาระบาดวิทยา ที่สนับสนุนความสามารถของชาในการป้องกันและต่อสู้กับโรคมะเร็ง

ชาเขียวและชาอื่น ๆ มากมายมีความสามารถในการเร่งการเผาผลาญ การศึกษาหนึ่งพบว่า การบริโภคชา 4 แก้วต่อวัน จะส่งผลให้น้ำหนักตัวและรอบเอวลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วง 8 สัปดาห์ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า สารต้านอนุมูลอิสระตัวหนึ่ง มีส่วนสำคัญต่อการลดน้ำหนัก มันจะทำงานเพื่อเร่งการเกิดออกซิเดชันไขมัน ซึ่งช่วยให้ตับเผาผลาญและกำจัดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในผู้ดื่มชาเป็นประจำ ยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคทางระบบประสาทน้อยกว่า เช่น โรคอัลไซเมอร์ และโรคพาร์กินสัน การบริโภคชาเขียวเป็นประจำ ช่วยเพิ่มความจำ และสามารถรักษาความจำได้ นักวิจัยเชื่อว่า ประโยชน์เหล่านี้เกิดจากสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น โพลีฟีนอล ฟลาโวนอยด์ และ คาเทชิน

จากการศึกษายังพบอีกว่า ชาสามารถที่จะช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL หรือคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี ที่อาจทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอย่างรุนแรง ชาบางชนิดสามารถช่วยลดความดันโลหิตสูง และเพิ่มอัตราการไหลเวียนโลหิต ลดโอกาสที่จะเกิดลิ่มเลือดและหัวใจวาย ผู้เชี่ยวชาญยังกล่าวด้วยว่า ชาปริมาณ 3-6 แก้ว หากเราดื่มทุกวันนั้น จะสามารถช่วยในการควบคุมความดันโลหิต และป้องกันโรคเกี่ยวกับหัวใจ

cup of tea

สุขภาพดีด้วยชาและกาแฟ

จะเห็นได้ว่าเครื่องดื่มทั้งสองนั้น มีคุณประโยชน์กับร่างกายมากมาย ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณจะเลือกเครื่องดื่มชนิดไหน หรือชอบแบบไหนมากกว่ากัน หรืออาจดื่มเครื่องดื่มทั้งสองก็ได้ แต่อยากให้ระวัง อย่าดื่มมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการต่อวัน สิ่งที่ควรระวังมากที่สุดในการบริโภคชาและกาแฟคือเรื่องของคาเฟอีน ในมนุษย์ผู้ใหญ่ ร่างกายแข็งแรงปกตินั้น เราสามารถที่จะรับคาเฟอีนได้ในปริมาณ 400 มิลลิกรัมต่อคนต่อวัน แค่ระวังอย่าให้เกินก็พอ