เครื่องชงกาแฟ ในปัจจุบัน รวมไปถึงกรรมวิธีในการชงกาแฟนั้น มีให้เราเลือกกันมากมายหลากหลาย โดยแต่ละวิธีการชงก็จะให้กาแฟที่รสชาติแตกต่างกันออกไป แม้แต่วิธีการเดียวกันอย่างการดริปกาแฟ ก็ยังมีกรวยดริปที่มีหน้าตาแตกต่างกันออกไปมากตามแต่ละแบรนด์ วันนี้เราจะมาว่าด้วยเรื่องของ เครื่องชงกาแฟ เหล่านั้น ว่าจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างไร และกาแฟที่ได้จากการใช้เครื่องชงกาแฟเหล่านั้น จะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ทั้งนี้ก็เพื่อประกอบการตัดสินใจ สำหรับผู้ที่ต้องการเลือกใช้เครื่องชงกาแฟ ให้เหมาะสมกับกาแฟที่คุณเลือกใช้ โดนเฉพาะอย่างยิ่ง กาแฟเกรดพิเศษต่าง ๆ
มาเริ่มกันที่การชงกาแฟฟิลเตอร์กันก่อน
Hario V60

หากใครเริ่มเข้าสู่วงการดริปกาแฟ น่าจะคุ้นหน้าคุ้นตา หรือคุ้นหูกับกรวยดริป Hario V60 ซึ่งชื่อนี้ตั้งตามรูปทรงกรวย ที่ทำมุม 60 องศา และยังเป็นอุปกรณ์ชงกาแฟ สำหรับการทำกาแฟดริปยอดนิยมอีกด้วยนะ ด้วยรสชาติกาแฟที่ได้มีความสม่ำเสมอและความคลีนของรสชาติ อีกเหตุผลที่ได้รับความนิยมก็คือ เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะแก่การฝึกฝน เนื่องจากสามารถที่จะควบคุมตัวแปรต่าง ๆ ได้ง่ายด้วย เช่น อุณหภูมิของน้ำ เบอร์บดที่ใช้ และอัตราส่วนของกาแฟกับน้ำ
ตอนที่ชง เราจะใช้เบอร์บดที่มีความละเอียดปานกลาง และหลังจากที่เรา bloom กาแฟของเราแล้ว เราก็จะเทน้ำวนเป็นวงลงไปบนผิวกาแฟโดยตรง อาจลองเทน้ำเป็นจังหวะ มีการเทและหยุดไปเรื่อย ๆ และจับเวลาด้วยนะ ผลลัพธ์ที่ได้ กาแฟของเราจะมีความคลีนตามสไตล์กาแฟดริป แต่ที่สำคัญ อย่าลืมเรื่องของ “ความคงที่” ว่าหากได้รสชาติที่ใช่แล้ว การชงทุกครั้งพยายามให้เหมือนเดิม
Kalita Wave

ตัวของ Kalita Wave นั้น เป็นอุปกรณ์สำหรับดริปกาแฟ เหมือนกับตัว V60 แต่ก็มีข้อแตกต่างอยู่หลายจุด อย่างแรกคือ เป็นอุปกรณ์ที่จะมีก้นแบน ต่างจากตัว V60 ที่จะมีความคล้ายกรวย และตัว Kalita จะมีรูที่ก้นอยู่ด้วยกัน 3 รู ซึ่งรูนี้เองจะส่งผลต่อการไหลของน้ำ ทำให้เกิดการแช่กาแฟชั่วครู่ ก่อนที่น้ำจะไหลลงไปด้านล่าง แต่เนื่องจากเป็นแบบนี้เอง กาแฟที่ได้จึงจะมีความสม่ำเสมอมากขึ้นด้วย
กรรมวิธีการชงกาแฟโดยใช้ Kalita Wave ก็จะเหมือนกับการชงกาแฟโดยใช้ V60 นั่นแหละ รวมถึงเบอร์บดที่เราใช้ด้วย ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังเหมือนเครื่องชง V60 เลย แต่ที่สำคัญอยู่ตรงนี้ ทาง Kalita เขาได้บอกมาว่า เขาออกแบบอุปกรณ์นี้มา และได้ผ่านการคำนวณในเรื่องทั้งปริมาณน้ำและการไหลไว้หมดแล้ว ดังนั้นจึงเหมาะกับการดริปกาแฟที่สุด (แต่ Hario ก็บอกแบบนี้) ดังนั้น เลือกที่ชอบ หรือคิดว่าใช่สำหรับคุณมากที่สุด
Chemex

มาถึงอุปกรณ์ดริปกาแฟสุดแนว ที่เรื่องดีไซน์ต้องให้เขาจริง ๆ กับ Chemex รู้หรือไม่ว่า อุปกรณ์นี้ ถึงกับมีการจัดแสดงอยู่ในพิพธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยในนิวยอร์คเลยทีเดียว และยิ่งไปกว่านั้น Chemex นี้ไม่เหมือนอุปกรณ์ดริปกาแฟอื่น ๆ ทั่วไป เพราะตัวอื่น ๆ ยังมีข้อจำกัด แต่ตัว Chemex นี้ สามารถที่จะชงกาแฟได้มากที่สุดครั้งละ 8 แก้วเลยนะ
สำหรับตัว Chemex จุดที่ยอดเยี่ยมที่ทำให้ต่างจากอุปกรณ์ตัวอื่น ๆ คือเรื่องของฟิลเตอร์ ที่จะมีความหนากว่าตัวอื่น ๆ ส่งผลให้ดูดซับน้ำมันที่ออกมาจากการสกัดได้มากกว่า แต่จุดด้อยของตัว Chemex คือ ด้วยความที่ตัวเองเป็นรูปตัววีลึก ทำให้เรื่องของความสม่ำเสมอค่อนข้างที่จะควบคุมได้ยาก ยังมีข้อแตกต่างใหญ่อยู่อีก คือเบอร์บดที่เราจะใช้สำหรับเครื่อง Chemex ควรเป็นเบอร์บดที่ค่อนข้างหยาบปานกลาง ไม่เหมือนกับตัวอื่น ๆ ที่จะใช้เบอร์บดละเอียดปานกลาง ผลลัพธ์ที่ได้ของ Chemex คือ กาแฟที่ (อาจจะ) มีความคลีนมากขึ้นไปอีก และได้กาแฟต่อ 1 เสิร์ฟในปริมาณมากขึ้น แต่อยากให้ระวังในเรื่องของความสม่ำเสมอในการสกัดด้วย
Batch Brewers

เราคนไทยอาจจะไม่คุ้นเคยกับเครื่องชงกาแฟของ Batch Brewer เครื่องชงนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ หากยังนึกไม่ออก ให้นึกถึงหนังฝรั่งสักเรื่อง เราจะเห็นตัวละครตื่นเช้ามา แล้วก็รินกาแฟให้ตัวเองดื่มสักแก้ว นั่นแหละครับ เครื่องที่นิยมใช้ชงตามบ้านนั่นแหละ เครื่องชงกาแฟแบบ Batch Brewers ก่อนหน้านี้เครื่องชงกาแฟตัวนี้เคยมีปัญหามาก่อนในเรื่องของกาแฟไหม้ และคุณภาพของกาแฟที่ลดลง เนื่องจากกาแฟที่ได้เป็นกาแฟที่ชงทีเดียว แล้วชงทิ้งไว้นานก่อนที่จะดื่ม
แต่ทุกวันนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว ด้วยการที่ร้านกาแฟพิเศษผุดขึ้นมามากขึ้นอย่างมาก ร้านเหล่านั้นก็ยังคงนิยมมีเครื่อง Batch Brewers ในร้าน ลูกค้าส่วนหนึ่งก็รีเควส ขอกาแฟที่ใช้เครื่องนี้ชงก็มีอยู่มาก เหตุที่เป็นแบบนั้นเพราะ เครื่องชงนี้ สามารถที่จะควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ได้ค่อนข้างง่าย สามารถที่จะระบุอุณหภูมิที่เราต้องการลงไปเลย เลียนแบบการเทน้ำเป็นจังหวะ แบบการดริปกาแฟได้ ควบคุมการ bloom ของกาแฟก็ยังได้ และยังตัวแปรอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ก็ต้องเป็นตัวไฮเอนด์ ที่ค่อนข้างแพงเลย
เบอร์บดที่ใช้ ควรเป็นเบอร์บดแบบปานกลาง แต่ก็มีผู้ผลิตหลายเจ้าที่ผลิตเครื่องนี้ ดังนั้นควรตรวจสอบให้ดี บางแบรนด์อาจมีเบอร์บดที่เป็นข้อกำหนดของตัวเองอื่น ๆ อยู่ ผลลัพธ์กาแฟที่ได้ จะเป็นกาแฟที่มีความสม่ำเสมอ ทั้งในกรรมวิธีการชงและรสชาติ และข้อดีอีกอย่าง สามารถชงได้หลายแก้วพร้อม ๆ กัน
ต่อไปจะเป็นกาชงแบบแช่กาแฟ
Clever Dripper

อุปกรณ์นี้อาจดูเหมือนดริปเปอร์อื่น ๆ แต่แท้จริงแล้ว Clever Dripper เป็นส่วนผสมระหว่างการชงกาแฟฟิลเตอร์ และการแช่กาแฟ ที่บริเวณด้านล่างอุปกรณ์นี้จะมีวาล์วอยู่ ทำให้เราสามารถแช่กาแฟ และปล่อยให้กาแฟได้สกัดออกมาได้ตามที่เราต้องการ เมื่อเราได้กาแฟเท่าที่เราต้องการแล้ว ให้ทำการเปิดวาล์ว เพื่อให้กาแฟไหลลงสู้โถได้ ซึ่งเป็นอะไรที่สะดวกดีมาก ในเรื่องของเบอร์บด เนื่องจากนี่ไม่ใช่การชงกาแฟแบบฟิลเตอร์เสียทีเดียว ในทางกลับกัน ก็ไม่ใช่การแช่กาแฟเสียทีเดียวด้วย ดังนั้นเบอร์บดจึงสามารถใช้กาแฟบดหยาบปานกลางได้ ผลลัพธ์กาแฟที่ได้ เราจะได้กาแฟที่ค่อนข้างมีความสม่ำเสมอ อยู่กึ่งกลางระหว่างการชงทั้งสองรูปแบบ
French Press

นี่เป็นหนึ่งในเครื่องชงกาแฟที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุด อีกทั้งยังเป็นอะไรที่เรียบง่ายที่สุดด้วย แต่เครื่องชงกาแฟแบบ French Press มักเป็นอุปกรณ์ที่ผู้คนมองข้ามไป แต่อุปกรณ์นี้ก็ยังเป็นอุปกรณ์ที่ดีที่จะสามารถปรับแต่งโปรไฟล์รสชาติของกาแฟให้ออกมาได้ดีอยู่ ให้จำข้อสำคัญของการใช้เครื่อง French Press ไว้เลยคือ ให้แน่ใจว่าหลังจากที่เราทำการกดกาแฟแล้ว เราแยกกากกาแฟออกจากน้ำได้หมดจริง ไม่อย่างนั้นการสกัดจะยังคงดำเนินต่อไป หากกาแฟยังคงสัมผัสกับน้ำอยู่ และสารประกอบบางอย่างซึ่งให้รสขมในกาแฟจะออกมาอย่างแน่นอน แต่หากทำถูกต้อง เราจะได้กาแฟดี ๆ มาดื่มเลยทีเดียว
เนื่องจากเป็นการแช่กาแฟ กาแฟจะสัมผัสกับน้ำนานอยู่แล้ว ดังนั้นจึงบดเมล็ดกาแฟอย่างหยาบได้มากหน่อย แต่เนื่องจากการชงกาแฟแบบ French Press ไม่ได้ซับซ้อนอะไร ดังนั้นจึงน่าทดลองใช้เบอร์บดที่หลากหลายดู แล้วลองเปรียบเทียบรสชาติเอาก็ดีไม่น้อยเลย ผลลัพธ์ที่ได้ เราจะได้กาแฟที่มีบอดี้เต็ม ๆ กับกรรมวิธีการชงกาแฟแสนง่ายดายนี้ เนื่องจากว่าในกระบวนการสกัดกาแฟ ฟิลเตอร์ของ French Press เป็นฟิลเตอร์โลหะ ไม่ใช้ฟิลเตอร์กระดาษแบบดริป ดังนั้นจึงไม่สามารถซึมซับน้ำมันที่ออกมาจากการสกัดไว้ได้ บอดี้ของกาแฟที่ได้จึงค่อนข้างเต็ม
AeroPress

นวัตกรรมการชงกาแฟที่น่าสนใจ สรรพประโยชน์เยอะ นอกจากน้ำหนักเบา พกพาง่ายแล้ว ยังทนทานอีกด้วย เครื่องชงกาแฟ AeroPress ถูกพัฒนาขึ้นโดย Aerobie, Inc. ด้วยเหตุประโยชน์เหล่านี้เอง ทำให้เครื่องชงกาแฟ AeroPress เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ชงกาแฟที่อยากได้กาแฟทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่า เที่ยวทะเล หรือล่องเรือก กาสามารถพกพาเครื่องนี้ไปได้ทุกที่
หากชอบกาแฟที่มีบอดี้หนัก บอดี้เต็ม น่าจะชอบเครื่อง AeroPress นะครับ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็สามารถทดลอง ปรับเปลี่ยนกาแฟของเราเล็กน้อยได้อยู่เหมือนกันนะ AeroPress ง่ายมากสำหรับผู้เริ่มต้นชงกาแฟ แต่ถึงจะเหมาะกับผู้เริ่มต้น แต่เครื่องนี้ก็ไม่ธรรมดานะ เป็นเครื่องชงกาแฟเพียงเครื่องเดียวที่มีการจัดการแข่งขันกันอย่างจริงจัง แบบชิงแชมป์โลกเป็นของตัวเองเลย โดยปกติจะมีการใช้เครื่อง AeroPress อยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือแบบธรรมดา และอีกแบบคือแบบ inverted
การชงแบบ inverted นั้น เริ่มด้วยการคว่ำลูกสูบลงบนเคาน์เตอร์หรือโต๊ะจากนั้นนำเอากระบอก AeroPress ดันไปบนลูกสูบ ให้เข้าไปในกระบอกประมาณ 1 เซนติเมตรจากตัวลูกสูบ แล้วใส่กาแฟบดของเราลงไปในซีลลูกสูบ เบอร์บดที่ใช้ก็แต่ใจเราชอบ อาจใช้กาแฟค่อนข้างหยาบ หรือหยาบปานกลางก็ได้นะครับ เติมน้ำลงไปก่อนครั้งแรก แล้วปล่อยให้กาแฟของเรา bloom จากนั้นเติมน้ำที่เหลือลงไปแล้วทำการคน จากนั้นให้เราทำการใส่ฝาครอบพร้อมกับฟิลเตอร์กระดาษลงไป แต่ต้องล้างฟิลเตอร์ก่อนนะ พลิกเครื่อง AeroPress แล้วกดกาแฟให้ไหลลงมาในแก้ว
การชงแบบธรรมดา ให้เราทำการใส่ฟิลเตอร์กระดาษลงไปในฝาครอบ จากนั้นให้เรานำฝาครอบประกอบกับกระบอก ใส่กาแฟบดของเราลงไป เบอร์บดก็แล้วแต่เราถนัด เติมน้ำครั้งแรก เพื่อให้กาแฟของเรา bloom ลงไป จากนั้นเติมน้ำที่เหลือ ใส่ลูกสูบลงไป ลึกประมาณ 1 เซนติเมตร เพื่อทำให้มีแรงดูด และเพื่อไม่ให้น้ำไหลออกมาก่อนที่กระบวนการสกัดจะเสร็จสิ้น เมื่อพร้อมแล้วก็กด
ผลลัพธ์กาแฟที่ได้ของการชงทั้งสองแบบ กาแฟที่ได้จะเป็นกาแฟที่มีบอดี้หนัก และอย่างที่บอก เครื่อง AeroPress เหมาะสำหรับใช้สำหรับชงระหว่างเดอนทาง เพราะพกพาง่าย
เครื่อง Espresso Machine

สำหรับปู้ที่ชื่นชอบการดื่มเอสเพรสโซกันเป็นชีวิตจิตใจ น่าจะมีบ้างที่เรามีเครื่องชงเอสเพรสโซอยู่ที่บ้านกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่า การลงทุนซื้อ Espresso Machine สักเครื่อง เป็นการลงทุนที่ค่อนข้างสูงเลย ยิ่งเครื่องมีคุณภาพสูง แรงดันสูง ก็ยิ่งราคาแพงขึ้น แต่ซื้อเครื่องถูก ๆ กาแฟที่ได้ก็ดันคุณภาพไม่ดีอีก และก็ยังมีเครื่องชงเอสเพรสโซแบบมือกด ข้อดีก็คือพกพาง่ายและไม่ใช้ไฟฟ้า หากเป็นเมื่อก่อนเครื่องปบบมือกดน่าจะมีประสิทธิภาพด้อยกว่าเครื่องชงแบบ Espresso Machine ไฟฟ้า แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนา คุณภาพดีพอ ๆ กันแล้ว และราคาก็ยังพอ ๆ กันด้วย
การชงเอสเพรสโซ แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการชงกาแฟแบบกาแฟฟิลเตอร์ หรือกาแฟแช่ เบอร์บดกาแฟจำเป็นต้องใช้การบดที่ละเอียด เนื่องจากการชงกาแฟเป็นการใช้แรงดันในเวลาสั้น ๆ แล้วจากนั้นเราจะต้องใช้แทมเปร์อัดกาแฟลงในฟิลเตอร์ด้วย การจะพยายามปรับแต่งรสชาติเอสเพรสโซ เราจะทำได้มากน้อยขนาดไหน ขึ้นกับเครื่อง Espresso Machine ของเราเลยว่าคุณภาพขนาดไหน และสำหรับผลลัพธ์ที่ได้ ก็เป็นเอสเพรสโซเข้มข้นนั่นแหละ อย่าลืมว่า เครื่องยิ่งราคาสูง เอสเพรสโซจะยิ่งเป็น perfect shot
Moka Pot

หม้อ Moka Pot เป็นหม้อต้มกาแฟแบบดั้งเดิมที่มีมานานแล้ว คล้ายกับเครื่องชงกาแฟ French Press คือ หม้อนี้เป็นหม้อชงกาแฟเกือบจะสำเร็จรูป สามารถที่จะปรับแต่งรสกาแฟใด ๆ ได้น้อยมาก ไม่ค่อยมีลูกเล่นอะไรเหมือนกับเครื่องชงกาแฟแบบอื่น ๆ แต่วิธีการใช้หม้อนี้ไม่ได้ยากเท่าไหร่นัก เพียงแค่เราใส่กาแฟของเราลงไปในช่องด้านล่างใส่น้ำ แล้วต้มกาแฟ แล้วก็รอ แค่นี้เราก็ได้กาแฟแล้ว เบอร์บดกาแฟที่เหมาะสมจะใช้ จะเป็นกาแฟบดละเอียด
ความยากของการใช้ Moka Pot คือ โดยธรรมชาติแล้ว กาแฟที่ได้จะเป็นกาแฟที่ออกรสขม มีความไหม้เล็กน้อย ดังนั้นทางที่ดีและอยากแนะนำ เพื่อให้ไม่เกิดรสอันไม่พึงประสงค์นี้ ให้เราทำการต้มน้ำของเราไว้ก่อนให้เรียบร้อย หรือไม่ก็ให้น้ำอุ่นขึ้นมา การใช้น้ำเย็น หรือน้ำอุณหภูมิห้องจะทำให้กาแฟของเราลอยอยู่ แล้วสัมผัสกับผิวโลหะร้อนนานเกินไป
หม้อ Moka Pot เป็นหม้อที่ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับทำเอสเพรสโซแบบดั้งเดิม แต่ถึงจะบอกแบบนั้น แรงดันที่ได้รับก็ยังไม่มากพอที่จะเป็นเอสเพรสโซช็อตจริง ๆ ซึ่งแรงดันนี่เองที่เป็นส่วนสำคัญของการทำเอสเพรสโซ ดังนั้นผลลัพธ์กาแฟที่ได้ เราจะได้กาแฟที่ (เกือบ) เป็นเอสเพรสโซ ที่ราคาไม่ได้แพงเหมือนเครื่อง Espresso Machine
ต่อไปเราจะมาดู อุปกรณ์ชงกาแฟ ที่มีความไม่ธรรมดาอยู่ และต้องอาศัยความเชี่ยวชาญระดับหนึ่งเลยนะ
Syphon

หากจะมีอุปกรณ์ชงกาแฟ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังทำการทดลองวิทยาศาสตร์อยู่ Syphon คือหนึ่งในนั้น เป็นส่วนผสมของเทคโนโลยี นำการแช่กาแฟและการกรองกาแฟมาผสมกัน โดยปกติแล้ว กาแฟที่ได้จากการใช้เครื่องชอง Syphon ส่วนใหญ่มักถูกอธิบายว่า เป็นกาแฟที่มีบอดี้หนัก แต่ก็ยังคงรักษาไว้ซึ่งความชัดเจนของรสชาติกาแฟได้
อย่างที่บอกไป ผลลัพธ์ที่ได้จากกาแฟที่ใช้เครื่องชงอ Syphon คือ กาแฟที่มีบอดี้หนักแน่น แต่ก็ยังคงมีรสชาติของตัวกาแฟเองแบบจัดเต็มอยู่
Ibrik/Cezve

อุปกรณ์สำหรับชงกาแฟที่มีมาตั้งแต่โบราณและมีเอกลักษณ์เฉพาะนี้ มาจากประเทศตุรกี ในพื้นที่ซึ่งเคยเป็นจักรวรรดิออตโตมันผู้ยิ่งใหญ่ ขึ้นชื่อในเรื่องกาแฟที่มีความขม ขั้นตอนการชงกาแฟและสกัดกาแฟที่ประณีต และกาแฟที่บดละเอียดเป็นเม็ดทราย และจำเป็นที่เราจะต้องใช้เครื่องบดที่เยี่ยมมาก ๆ หรืออาจต้องเป็นเครื่องบดเฉพาะเลย
ในกรรมวิธีการชง เราต้องใช้ Ibrik หรือ Cezve ในการชงเท่านั้น ใส่น้ำและน้ำตาล (น้ำตาลเป็นตัวเลือก ใส่ไม่ใส่ก็ได้) ลงไปใน Cezve จากนั้นนำไปต้มบนเตา หรือทีเด็ด บนทรายร้อน และเมื่อน้ำเริ่มเดือด ให้ทำการใส่กาแฟบดละเอียดมาก ๆ ของเราลงไป รอให้กาแฟเดือดจนถึงปากของ Cezve แล้วเราจึงนำขึ้นจากเตาอย่างรวดเร็ว แล้วนำกลับเข้าไปที่เตา สลับไปมาประมาณ 3 ครั้ง แล้วกาแฟของเราก็พร้อมเสิร์ฟ
ผลลัพธ์ที่ได้คือ กาแฟแบบดั้งเดิมที่มีความเข้มข้นอยู่อย่างเต็มที่ และยังคงมีกากกาแฟหลงเหลืออยู่ และแน่นอนว่า การชงกาแฟด้วยวิธีนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับคนอื่นอย่างแน่นอน โดยปกติผู้คนมักเรียกกาแฟที่ชงแบบนี้ว่า “กาแฟตุรกี” เราจะได้ประสบการณ์ทางวัฒนธรรมดั้งเดิมแบบเต็ม ๆ กาแฟรสขม
ยังมีอุปกรณ์ชงกาแฟ และวิธีการชงกาแฟแบบอื่น ๆ อีกมากมายในอุตสาหกรรมกาแฟสมัยใหม่ ยุคแห่ง third wave coffee มันช่างกว้างใหญ่และหลากหลายมาก ๆ แต่ที่ยกมานี้ เป็นอุปกรณ์และวิธีการที่เรามักจะพบเห็น สามารถที่จะเจอได้ง่าย ๆ
ไม่ว่าเราจะเลือกใช้อุปกรณ์ไหนในการชงกาแฟ น่าสนใจที่เราจะเล่นกับเทคนิคต่าง ๆ ทำการทดลองแบบใหม่ ๆ ลองวิธีการสกัดแบบอื่น ๆ ดู ลองใช้เบอร์บดกาแฟที่ต่างออกไปดู หรือลองควบคุมปัจจัยอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไป และยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่ยอดเยี่ยมของการชงกาแฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กาแฟเกรดพิเศษนี้ คือเรื่องของการทดลองเพื่อสร้างความแตกต่างนี่แหละ และขอให้คุณมีความสุขในการดื่มกาแฟ และการชงกาแฟในแบบที่ตัวเองชอบนะครับ