กาแฟ ลิเบอริก้า คืออะไร 

Share on facebook
Share on twitter

สายพันธุ์กาแฟนั้นมีอยู่ด้วยกันมากมายกว่า 120 สายพันธุ์ และก็มีการคาดการณ์ว่า น่าจะมีเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต แต่จากสายพันธุ์ที่ไม่มากมายเหล่านี้ ทั้งผู้ผลิต เกษตรกร ผู้ค้า ผู้คั่วกาแฟ บาริสต้า รวมถึงผู้บริโภค จะคุ้นเคยกับกาแฟอยู่เพียงแค่ 2 สายพันธุ์เท่านั้น คืออาราบิก้าและโรบัสตา 

แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีสายพันธุ์ที่ 3 นอกจาก 2 สายพันธุ์หลักนี้ ที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินบ้าง สายพันธุ์ที่ว่านี้เป็นสายพันธุ์ที่ค่อนข้างมีความโดดเด่น และเติบโตได้ดีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชื่อนั้นคือ Coffea liberica หรือกาแฟสายพันธุ์ลิเบอริก้า ซึ่งในปัจจุบันนี้ กาแฟลิเบอริก้ากลายมาเป็นกาแฟสายพันธุ์หลักที่จะปลูกกันในประเทศมาเลเซียและฟิลิปปินส์ 

แล้วแท้จริงแล้ว ลิเบอริก้า มาจากไหน รสชาติเป็นอย่างไร และจะสามารถผลักดันให้กลายเป็นที่นิยมมากขึ้นได้หรือไม่ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกาแฟสายพันธุ์นี้กันให้มากขึ้น เผื่อคุณอาจจะสนใจ และหากาแฟสายพันธุ์นี้มาลองดื่มกัน 

Kape Varako variety

ลิเบอริก้า มาจากไหน 

กาแฟ ลิเบอริก้า นั้น มีถิ่นกำเนิดอยู่ในไลบีเรีย ประเทศทางแถบทวีปแอฟริกาตะวันตก แต่ถึงอย่างนั้น ในปัจจุบัน ได้มีการนำมาปลูกและบริโภคกันอย่างแพร่หลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นส่วนใหญ่ ทั้งในฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพียงแค่ในประเทศฟิลิปปินส์เพียงประเทศเดียว กาแฟลิเบอริก้า คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของกาแฟที่ปลูกทั้งหมดภายในประเทศ 

เส้นทางการเดินทางของลิเบอริก้าจากไลบีเรียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ น่าจะเป็นการเดินทางผ่านเอธิโอเปีย จากนั้นก็เดินทางไปถึงแถบตะวันออกกลาง และในที่สุดก็แพร่กระจายไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในที่สุด ซึ่งน่าจะมาพร้อมกับชาวมุสลิม ที่เดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาบางอย่าง 

แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน ที่ชาวอาณานิคมจะนำกาแฟลิเบอริก้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อพยายามเดินทางไปตั้งรกรากที่นั่น ในตอนนั้นทวีปแถบนี้ถูกปกครองโดยชาวฝรั่งเศส ชาวดัตช์ และชาวสเปน ชาวอาณานิคมยุโรปเหล่านี้จะนำกาแฟติดตัวไปด้วย สิ่งนี้ส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภคกาแฟส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย 

แต่ถึงอย่างนั้น การเดินทางจากไลบีเรียมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของลิเบอริก้า ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ไม่ว่าจะเดินทางเข้ามาด้วยวิธีไหนก็ตาม กาแฟลิเบอริก้านี้ เป็นกาแฟที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เหตุผลเพราะเนื่องจากประมาณปี 1890 เกิดวิกฤตกาแฟครั้งใหญ่ โรคสนิมในใบกาแฟได้แพร่กระจายไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของกาแฟอาราบิก้าทั่วทั้งโลก หลังจากเกิดวิกฤตใหญ่ในครั้งนี้ ผู้คนจึงเริ่มให้ความสนใจกับการต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืชมากขึ้น ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในไร่กาแฟเลย 

ในขณะที่ผู้ผลิตกาแฟหลายรายมาใช้กาแฟโรบัสต้า แต่ผู้ผลิตกาแฟในฟิลิปปินส์ กลับได้รับการสนับสนุนให้ปลูกกาแฟลิเบอริก้าแทน เนื่องจากต้นกาแฟลิเบอริก้านั้นมีความทนทานต่อโรคสนิมในใบ อีกทั้งยังสามารถปลูกได้ง่ายกว่าอาราบิก้าในอุณหภูมิที่สูงขึ้น และปลูกในระดับความสูงที่ต่ำกว่าได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีความทนทานต่อแมลงศัตรูพืชมากกว่า มอดหรือหนอนจะเข้าไปชอนไชในตัวผลเชอรี่ได้ยากขึ้น เนื่องจากผิว และเปลือกของตัวเชอรี่ที่ตึงและหนาขึ้น 

เนื่องจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเราเป็นภูมิภาคเล็ก ๆ และการเดินทางถึงการค่อนข้างสะดวกสบาย ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ลิเบอริก้าแพร่กระจายไปสู่ประเทศอื่น ๆ ได้ง่ายดาย เริ่มต้นจากฟิลิปปินส์ ไม่นานก็ได้แพร่กระจายไปสู่มาเลเซียและอินโดนีเซียผ่านทางเรือ ไม่เพียงแค่สินค้าสำคัญในยุคนั้นอย่างเครื่องเทศ แต่ยังรวมไปถึงกาแฟด้วย และที่สำคัญ ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคของเราใกล้กันถึงขนาดไม่จำเป็นต้องใช้เรือลำใหญ่ในการขนส่ง แม้แต่เรือขนาดกลางหรือเรือขนาดเล็กก็สามารถที่จะขนส่งสินค้าเหล่านี้ไปมากันได้ ทำให้ง่ายต่อการแพร่กระจายของกาแฟ 

Coffea liberica

ลักษณะเฉพาะของลิเบอริก้า

ถึงแม้ว่าลิเบอริก้า จะเป็นกาแฟที่นำไปปลูกอย่างแพร่หลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายประเทศ แต่ลิเบอริก้าตามธรรมชาตินั้น สามารถพบได้ในป่าเขตร้อนของทวีปแอฟริกา ต้นลิเบอริก้าเป็นต้นที่แข็งแรงมาก มีการนำต้นลิเบอริก้าเข้าไปปลูกในเขตตอนใต้ของคอสตาริกา ซึ่งผลลัพธ์คือ ต้นกาแฟสามารถที่จะเติบโตได้ดี เกิดการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ 2-3 ครั้ง โดยจะสามารถพบเห็นต้นของลิเบอริก้าที่ให้ผลผลิตเชอรี่สุกมีสีเหลือง และอีกชนิดหนึ่งที่ให้ผลเชอรี่สุกเป็นสีชมพู 

กว่าที่ต้นลิเบอริก้าจะเริ่มออกผล เราอาจต้องรอถึง 5 ปี ลักษณะลำต้นเมื่อเติบโตจะค่อนข้างสูง โดยอาจมีบางต้นสามารถสูงได้ถึง 17 เมตร ซึ่งทำให้การเก็บผลเชอรี่นั้นทำได้ยาก ในส่วนของใบและผลเชอรี่มีขนาดใหญ่กว่าอาราบิก้าและโรบัสต้าอย่างเห็นได้ชัด ใบของลิเบอริก้าจะสามารถเติบโตได้กว้างถึง 30 เซนติเมตร และผลของเชอรี่ จะมีขนาดใหญ่เกือบ 2 เท่าของผลกาแฟสายพันธุ์อื่น ๆ เมื่อสุกเต็มที่

นอกจากนี้แล้ว อัตราส่วนระหว่างเปลือกต่อกะลา จะอยู่ที่ 60:40 ต่างจากอัตราส่วนของทั้งกาแฟอาราบิก้าและโรบัสต้า ที่จะอยู่ที่ 40:60 สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มเวลาที่เราใช้ในการตากผลเชอรี่ของลิเบอริก้าเท่านั้น ยังส่งผลต่อรสชาติของกาแฟอีกด้วย ทั้งนี้ก็เนื่องจากลิเบอริก้านั้น โดยธรรมชาติจะมีเปลือกค่อนข้างหนา ทำให้เกิดกระบวนการหมักขึ้นเองตามธรรมชาติ กาแฟที่ได้จึงมีความฟรุตตี้เพิ่มขึ้น 

บางคนก็บอกว่า กาแฟลิเบอริก้ามีรสชาติคล้ายกับขนุน โดยเป็นผลไม้ขึ้นชื่อ และผลไม้อย่างหนึ่งประจำทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา ไม่แน่อาจเพราะเป็นแบบนี้เอง ทำให้กาแฟลิเบอริก้ามีรสชาติคล้ายกับขนุนไปโดยปริยาย บางครั้งอาจมีการอธิบายรสชาติของลิเบอริก้า ว่ามีรสของสโตนฟรุตและซิตรัสด้วย 

กาแฟลิเบอริก้าที่ผ่านการโพรเซสแบบ Natural มีแนวโน้มที่จะให้กลิ่นและรสของขนุนที่ละเอียดอ่อน ในทางกลับกัน หากนำไปทำการโพรเซสแบบ Watshed จะทำให้ได้กลิ่นและรสชาติของผลไม้รสเปรี้ยว และกลิ่นของดอกไม้มากขึ้น หรือบางครั้งอาจได้รสชาติ ‘ดั้งเดิม’ ของกาแฟ อย่างรสช็อกโกแลตเพิ่มเติมด้วย 

นอกเหนือจากนี้แล้ว รสชาติที่โดดเด่นอีกอย่างของกาแฟลิเบอริก้า คือบอดี้ที่หนักแน่น และมีความหวานที่สม่ำเสมอ หลายคนมักกล่าวว่า ลิเบอริก้ามีความหวานกว่าอาราบิก้า อาจเพราะเมล็ดของลิเบอริก้ามีรูพรุนมากกว่า ทำให้สามารถดูดซับน้ำตาลจากเมือกได้มากขึ้นด้วย 

Liberica coffee

กาแฟลิเบอริก้าในปัจจุบัน 

ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว กาแฟลิเบอริก้าอ่านไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในตลาดกาแฟลูกมากนัก ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในการทำกาแฟสำเร็จรูปเกรดธรรมดาเสียมากกว่า โดยจะนำลิเบอริก้ามาผสมกับโรบัสต้า เนื่องจากเกษตรกรไม่มีแหล่งขายและผู้ซื้อ บ่อยครั้งที่เราเกษตรกรขายกาแฟนี้ให้กับผู้ผลิตกาแฟแบรนด์ดัง ๆ ที่ทำกาแฟสำเร็จรูป อย่าง Nestle 

แต่ก็ได้มีคนกลุ่มหนึ่งพยายามทำอะไรบางอย่างในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 สิ่งนี้ทำให้กาแฟสายพันธุ์นี้แพร่หลายในประเทศฟิลิปปินส์ ในปี 2001 และ 2002 มีการอุดหนุนเงินทุนให้กับเกษตรกร สำหรับใช้ในการผลิตลิเบอริก้าขึ้นมา การทำแบบนี้นับว่าส่งผลดี มีการปลูก และทำการทดสอบรสชาติ ผลลัพธ์ที่ได้ถือ รสชาติของลิเบอริก้าออกมายอดเยี่ยม ในตอนนั้น กาแฟลิเบอริก้ามีมูลค่ามากกว่ากาแฟโรบัสต้าเสียด้วยซ้ำ สิ่งนี้เองทำให้เกิดความสนใจในการปลูกกาแฟสายพันธุ์นี้มากยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ การพยายามนำเข้ากาแฟอาราบิก้าไปยังบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างมาเลเซียและฟิลิปปินส์ อาจมีค่าใช้จ่ายแพง และเนื่องจากต้นลิเบอริก้าสามารถปลูกในท้องถิ่นได้ หาได้ง่ายกว่า และมีราคาที่ย่อมเยากว่ามาก ดังนั้นจึงเลือกปลูกกาแฟสายพันธุ์ดีมากกว่า 

ทุกวันนี้ กาแฟลิเบอริก้านับว่ามีความมั่นคงอย่างมากในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนหนึ่งที่ทำให้กาแฟสายพันธุ์นี้ค่อนข้างมั่นคงในภูมิภาคนี้ เป็นเพราะศาสนา เนื่องจากมาเลเซียและอินโดนีเซียผู้คนส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม หลังจากทำละหมาดเสร็จ ผู้คนนิยมที่จะดื่มกาแฟ ซึ่งสิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน 

นอกจากนี้ในประเทศแถบตะวันออกกลาง กาแฟลิเบอริก้าก็ยังเป็นที่ต้องการอย่างมากเช่นกัน เนื่องจากรสชาติผลไม้ นำไปชงแบบอ่อนๆ รสชาติที่ได้จะมีความคล้ายชา ผู้คนมักจะดื่มคู่กับการกินอินทผาลัม เป็นเหมือนกับเวลาน้ำชายามบ่าย 

และยังมีอีกอย่างคือ กาแฟลิเบอริก้า ยังถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของกาแฟเบลนด์ เพื่อทำให้กาแฟมีบอดี้ที่มากขึ้นด้วย 

ทางตอนใต้ของคอสตาริกา ปัจจุบันได้มีการทดลองการโพรเซสแบบต่าง ๆ เพื่อที่จะให้เข้ากับกาแฟสายพันธุ์นี้มากที่สุด และทดลองให้เกิดความหลากหลายมากที่สุดด้วย มีการโพรเซสกาแฟ หลากหลายวิธี ทั้ง Washed, Honey และ Natural การนำไปหมักกับน้ำผึ้ง หรือการไปหมักกับไวน์ก็มี นอกจากนั้นยังมีการทดลองกับวิธีอื่นๆมากมาย ด้วยการทดลองที่มีมากเหล่านี้ ทำให้สามารถพัฒนารสชาติของลิเบอริก้าให้มีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีต่อตัวกาแฟสายพันธุ์นี้มาก 

Coffee Beans

อนาคตของลิเบอริก้า 

ในปัจจุบันนี้ ทั่วโลกได้รับรู้ถึงศักยภาพของลิเบอริก้ามากขึ้น เมื่อปี 2019 ที่บอเนียวได้มีการจัดงาน Coffee Symposium เป็นครั้งแรก โดยเน้นไปที่การคุยกันเรื่องการดันกาแฟลิเบอริก้า ให้กลายมาเป็นกาแฟ และยังมีการแข่งขันการคั่วกาแฟลิเบอริก้าอีกด้วย 

เช่นเดียวกับกาแฟอาราบิก้า การผลักดันกาแฟลิเบอริก้าให้กลายมาเป็นกาแฟ specialty หรือทำให้กลายมาเป็นกาแฟคุณภาพสูงสามารถทำได้ด้วยเช่นกัน หากทำแบบนี้ได้จริง จะเป็นการลบภาพจำที่ไม่ค่อยดีมากนักเกี่ยวกับกาแฟสายพันธุ์นี้ได้ ไม่แน่หากผู้ที่หลงรักกาแฟ specialty ได้ลองดื่มลิเบอริก้าดู อาจจะชอบก็ได้ แม้แต่ผู้ควบกาแฟ ก็ยังสามารถสร้างความแปลกใหม่ จากการนำเสนอลิเบอริก้าในรูปแบบที่แตกต่างออกไปได้ 

สิ่งนี้อาจกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก สำหรับผู้คั่วกาแฟ และร้านกาแฟที่เน้นไปที่การขายกาแฟแบบพิเศษ กาแฟเหล่านี้จะมีความน่าสนใจและความหลากหลายมากขึ้น ด้วยการใช้วิธีการที่แปลกใหม่และปรับปรุงให้กาแฟนี้มีคุณภาพมากขึ้นไปด้วย ในประเทศญี่ปุ่นก็เริ่มหันมาให้ความสนใจกาแฟสายพันธุ์นี้เช่นกัน เนื่องจากมีผู้บริโภคส่วนหนึ่ง ที่ต้องการกาแฟที่มีความพรีเมี่ยมและหายากมากขึ้น 

สำหรับผู้ผลิตและเกษตรกร การนำกาแฟลิเบอริก้ามาปลูกนับว่ามีข้อดีและมีประโยชน์มากมาย นอกจากสามารถที่จะต้านทานโรคและแมลงศัตรูพืชได้มากกว่าแล้ว กาแฟสายพันธุ์นี้ยังเติบโตได้ดีท่ามกลางพืชผลชนิดอื่นๆ ทำให้ในไร่กาแฟเกิดความหลากหลาย เพิ่มความมั่นคงให้กับฟาร์มหรือไร่ของเกษตรกรเหล่านั้นมากขึ้น 

อย่างการปลูกต้นกาแฟลิเบอริก้าแซมกับผลไม้อื่น ๆ อาจเป็นกล้วย มะละกอ หรือสับปะรด ที่ผลไม้เหล่านี้จะเติบโตได้ดีหากปลูกกับต้นกาแฟ การปลูกพืชตระกูลเดียวกันอย่างถั่วลิสงก็ได้ผลดีไม่น้อย เพราะจะเป็นการช่วยตรึงไนโตรเจนในดินได้ ประโยชน์อีกอย่างของการปลูกลิเบอริก้าแซมกับพืชอื่น ๆ คือ เป็นวิธีการแก้ปัญหา เมื่อกาแฟสามารถเก็บเกี่ยวได้เพียงปีละครั้งเท่านั้น การมีพืชอื่น ๆ มาปลูกแซมและสามารถขายได้เป็นช่วง ๆ จะเป็นการช่วยพยุงธุรกิจของพวกเขาได้

นอกจากนี้แล้ว ด้วยผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทำให้หลายพื้นที่แต่เดิมเหมาะสม และสามารถใช้ในการปลูกกาแฟอาราบิก้าได้ กลายเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถปลูกได้ และอาจจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย สำหรับผู้ผลิตและเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่เหล่านี้ อาจจะต้องเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นที่ให้ผลผลิตที่ดีขึ้น หรือหากไม่เป็นแบบนั้น กาแฟลิเบอริก้าก็อาจเป็นทางออกได้ เนื่องจากเป็นพืชที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าแม้กระทั่งกับโรบัสต้าเอง ระบบรากก็สามารถที่จะเติบโตได้ลึก และยังสามารถเติบโตได้ในดินหลายประเภทด้วย นอกจากนี้หากเทียบกับโรบัสต้า ก็นับว่าค่อนข้างจะได้ราคาดีกว่า 

หากเราต้องการที่จะผลักดันอุตสาหกรรมกาแฟโดยรวมให้ก้าวไปข้างหน้า ความหลากหลายในสายพันธุ์ของกาแฟนับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก การมีกาแฟมากมายหลากหลายสายพันธุ์ในท้องตลาด เป็นอีกก้าวหนึ่งสู่ความยั่งยืนที่แท้จริงในวงกว้าง ทั้งสำหรับผู้ผลิตกาแฟเอง และทั้งระบบด้วย 

ลิเบอริก้าก็เป็นกาแฟสายพันธุ์หนึ่งที่มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งพืชเองยังมีความยืดหยุ่นสูง มีความทนทานสูงด้วย ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค ในยุคที่กาแฟเติบโตได้ยากและมีปัญหามากมายหลากหลาย นี่อาจเป็นโอกาสที่ดี ที่จะใช้แก้ปัญหาเหล่านี้ก็เป็นได้ แต่ก็ต้องรอดูกันต่อไป ว่าลิเบอริก้าจะมีที่ยืนในอนาคตได้มากน้อยเพียงใด