แก๊สไนโตรเจนนั้น เป็นแก๊สที่มีลักษณะใส ไม่มีกลิ่น และมีรสจืด ถูกใช้มาอย่างยาวนานในการถนอมอาหาร และเครื่องดื่ม ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมานี้ แก๊สไนโตรเจนได้ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเบียร์ โดยผู้ผลิตเบียร์ได้ใช้ไนโตรเจนเพื่อเปลี่ยนรสชาติและเนื้อสัมผัสของเบียร์ ให้มีความนุ่มนวล หอมหวาน และให้ฟองที่มีลักษณะหนานุ่มขึ้น
แต่เมื่อไม่นานมานี้เอง ในวงการกาแฟ ได้มีบาริสต้าเริ่มทดลอง น้ำในตัวจินมาใช้ในกาแฟ เกิดเป็นกาแฟไนโตร และได้มีการพัฒนามาเรื่อย ๆ จนในที่สุด ก็เกิดเครื่องดื่มอีกชนิดหนึ่ง คือไนโตรลาเต้ โดยการใช้ไนโตรเจน ทำการเปลี่ยนเครื่องดื่มกาแฟนม ให้กลายเป็นเครื่องดื่มที่มีความเข้มข้น มีความครีมมี่ และจะเสิร์ฟในลักษณะกาแฟเย็น
ด้วยรสชาติที่ยอดเยี่ยม บวกกับความใหม่นี้ ทำให้กาเเฟ ไนโตรลาเต้ ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในอุตสาหกรรมกาแฟพิเศษ และไม่ใช่แค่ภาคส่วนของกาแฟพิเศษเพียงเท่านั้น ด้วยรสชาติที่มีความหวาน และความนุ่มนวลของตัวกาแฟ สามารถที่จะดึงดูดกลุ่มผู้บริโภค ที่คำนึงในเรื่องของสุขภาพได้ด้วย ด้วยเครื่องดื่มกาแฟที่ปราศจากน้ำตาล และสารเติมแต่งใด ๆ แต่กลับให้รสชาติที่ยอดเยี่ยมอย่างเหลือเชื่อ

และวันนี้ เราจะพาคุณมาทำความรู้จักเครื่องดื่มไนโตรลาเต้ให้มากขึ้น
ต้นกำเนิดของ ไนโตรลาเต้
ก็เหมือนกับเครื่องดื่มหลายชนิด โดยเฉพาะเครื่องดื่มใหม่ ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ไนโตรลาเต้ เป็นเครื่องดื่มที่เราไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัด ว่าถูกคิดค้นขึ้นเมื่อใด และใครเป็นผู้คิดค้น แต่มีบางคนเชื่อว่า กาแฟชนิดนี้ ถูกคิดค้นขึ้นโดยร้าน Cuvée Coffee ในปี 2012 ในทางกลับกัน คนบางกลุ่มก็เชื่อว่า เครื่องดื่มชนิดนี้ ถูกคิดค้นขึ้นโดย Nate Armbrust จาก Stumptown Coffee Roasters ในปี 2013
ไม่ว่าใครก็ตามจะเป็นคนแรกที่ให้กำเนิดเครื่องดื่มชนิดนี้ แต่สิ่งที่เราควรรู้คือ แรงบันดาลใจ ที่มาของเครื่องดื่มชนิดนี้ โดยเครื่องดื่มชนิดนี้มาจาก Michael Ash จาก Guinness Beers และเราจำเป็นที่จะต้องย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 1950 โดยปกติแล้ว มักจะทำการอัดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ลงไปในขวดเบียร์ เพื่อให้เบียร์ยังคงความสดใหม่อยู่ได้ และเมื่อเวลาผ่านไป แก๊สเหล่านั้น จะค่อย ๆ จางหายไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อทำการเปิดขวดเบียร์ แก๊สเหล่านั้นก็จะหายไปด้วย
บรรดาผับและบาร์ จำเป็นที่จะต้องสต๊อกเบียร์สดไว้ แต่หากเป็นแบบนี้ ก็น่าจะเก็บเบียร์เหล่านั้นไว้ได้ไม่นาน Michael Ash จึงได้ทำการเสนอ ให้ทำการอัดแก๊สไนโตรเจนลงไปในเบียร์ เนื่องจากแก๊สชนิดนี้ ไม่ได้ระเหยง่ายเหมือนกับคาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อทำการเติมแก๊สไนโตรเจนลงไปในเบียร์แล้ว กลับได้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง เบียร์ที่ได้มีรสชาติที่หวานขึ้น และมีความเข้มข้นขึ้นด้วย
เคยมีการทดลอง นำแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์อัดลงไปในกาแฟด้วย เป็นการยากจะทำเมนูกาแฟอัดลม แต่ผลลัพธ์ที่ได้ในตอนนั้นไม่เป็นอย่างที่คาดไว้ คาร์บอนไดออกไซด์ระเหยไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังทิ้งรสขมและรสฝาดไว้ในกาแฟ แต่กลับกันแล้ว ไนโตรเจนนั้นเป็นแก๊สเฉื่อย ซึ่งหมายความว่า จะไม่ระเหยไปอย่างรวดเร็ว และจะไม่ทิ้งรสชาติที่ไม่พึงประสงค์เอาไว้ นอกจากนี้แล้ว ยังจะช่วยในการแทนที่ออกซิเจน ซึ่งทำหน้าที่รักษาความสดของกาแฟเอาไว้ได้ด้วย
การทำกาแฟ ไนโตรลาเต้
ร้านกาแฟส่วนใหญ่นั้น จะทำการเสิร์ฟไนโตรลาเต้ โดยการใช้ก๊อก หรือเสิร์ฟจากแท็บคล้ายเบียร์ ทั้งนี้ก็เพื่อให้แน่ใจว่า กาแฟแต่ละแก้วนั้น จะมีโฟมที่เนียนนุ่ม อันเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องดื่มชนิดนี้ โดยทั่วไปแล้ว จะทำการบรรจุกาแฟไว้ในถัง โดยใช้วาล์วแรงดัน เพื่อทำการอัดไนโตรเจนลงไปในกาแฟ
วิธีการเตรียมเครื่องดื่มชนิดนี้ โดยปกติเราจะไม่ได้เตรียม หรือทำการชงแบบสด ๆ เหมือนกับเอสเพรสโซ หรือกาแฟแบบอื่น ๆ แต่จะทำกาแฟไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยส่วนผสมที่ใช้ ก็คล้ายกับลาเต้ คือจะใช้กาแฟและนมผสมกัน จากนั้นใส่ลงไปในถัง เติมไนโตรเจนลงไป และพร้อมเสิร์ฟ
ในบางร้านยังใช้นมทางเลือกอื่น ๆ เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้าในการเลือกดื่ม และจะผสมกันในปริมาณมาก บางร้านอาจจะไม่ใช่เพียงแค่นมกับกาแฟ แต่อาจจะใส่ไซรัป หรือสารให้ความหวานอื่น ๆ ลงไปเพิ่ม จากนั้นจะทำการทิ้งไว้ 2-3 วันในถัง ก่อนที่จะนำมาเสิร์ฟให้กับลูกค้า
วิธีการเตรียมเครื่องดื่มชนิดนี้ ในแต่ละร้านนั้น มีความแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง อย่างบางร้านเลือกที่จะใช้ช็อตเอสเพรสโซ อาจจะใช้ในปริมาณที่มาก หลายสิบช็อต แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นช็อตเอสเพรสโซอยู่ แต่บางร้านกลับเลือกวิธีสกัดกาแฟแบบอื่น ซึ่งก็จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง ไนโตรเจนนั้นเป็นสิ่งพิเศษ นอกจากจะสามารถที่จะเสริมรสชาติของเครื่องดื่มได้แล้ว ยังสามารถที่จะป้องกันการเกิดรสชาติอันไม่พึงประสงค์ ของการทิ้งเครื่องดื่มไว้ในถังด้วย
ไนโตรลาเต้ เหมาะกับใคร
ก่อนเราจะรู้ว่า เครื่องดื่มชนิดนี้เหมาะกับใคร เราจำเป็นต้องรู้ถึงรสชาติ และเนื้อสัมผัสของเครื่องดื่มชนิดนี้ก่อน ไนโตรลาเต้ เป็นเครื่องดื่มที่มีเนื้อสัมผัสค่อนข้างนุ่ม เป็นฟอง มีรสชาติออกหวาน และมีอุณหภูมิที่เย็นจัด นั่นหมายความว่า เครื่องดื่มชนิดนี้ มักจะเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบดื่มกาแฟนมอยู่แล้ว และชื่นชอบดื่มเครื่องดื่มเย็นด้วย

ไนโตรลาเต้ นับว่าเป็นเครื่องดื่มที่สะท้อนให้เห็นถึง การบริโภคกาแฟสมัยใหม่ ที่คนนิยมบริโภคกาแฟเย็นกันมากขึ้น โดยเฉพาะในหลายประเทศ อย่างประเทศไทยเรา ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมมากเลยทีเดียว สำหรับผู้ที่ชื่นชอบดื่มลาเต้เย็น น่าจะชอบเครื่องดื่มไนโตรลาเต้ได้แบบไม่ยาก และสำหรับผู้ที่เคยดื่มกาแฟไนโตรแล้ว และชื่นชอบเครื่องดื่มชนิดนี้ ก็น่าจะชื่นชอบเครื่องดื่มไนโตรลาเต้ด้วยเช่นกัน
ไนโตรลาเต้ ยังเป็นเครื่องดื่ม ที่สามารถใช้เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และสามารถที่จะทดแทนเครื่องดื่มบางอย่าง เช่น Frappuccino หรือกาแฟเย็นปั่น ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่มีความหวานเอามาก ๆ และยังใส่พวกวิปครีม หรือครีม เพื่อเพิ่มความเข้มข้นลงไปอีก ไนโตรลาเต้ สามารถที่จะให้ความเข้มข้นแบบนั้นได้ โดยที่ไม่ต้องใส่สารอื่น ๆ ทดแทนลงไปเลย
กรรมวิธีในการใส่ไนโตรเจนลงไปในกาแฟนั้น สามารถทำให้กาแฟขม ๆ มีความนุ่มนวลขึ้นมาได้ และมีรสหวานขึ้นมาได้อีกด้วย โดยที่ไม่จำเป็นต้องใส่น้ำตาลหรือครีมลงไปเลย จะว่าไปแล้ว เครื่องดื่มชนิดนี้ก็ดูเหมือนเครื่องดื่มลาเต้เย็นทั่วไป แต่อาจจะมีความหวานกว่า และมีเนื้อสัมผัสที่ครีมมี่มากกว่า อาจจะบอกว่าเหมือนมิลค์เชคน่าจะถูกต้องกว่า แต่เป็นมิลค์เชคที่แคลอรีต่ำ โดยมีแคลอรี่เท่ากับลาเต้เย็นแบบดั้งเดิม หลายคนจึงมักดื่มเป็นเครื่องดื่มทางเลือกเพื่อสุขภาพด้วย
นอกจากนี้แล้ว ด้วยกรรมวิธีการเตรียม และการเสิร์ฟเครื่องดื่ม ยังสามารถที่จะดึงดูดผู้บริโภคบางกลุ่มได้อีกด้วย ด้วยการเตรียมเครื่องดื่มไว้ก่อนแล้ว จากนั้นจะทำการเสิร์ฟคล้ายกับเบียร์ นอกจากจะสามารถดึงดูดลูกค้าบางกลุ่มได้แล้วด้วย ยังลดขั้นตอนในการทำงานของบาริสต้าได้ด้วย ลาเต้เย็นอาจใช้เวลาเสิร์ฟ อยู่ที่ประมาณครึ่งนาที แต่หากเป็นไนโตรลาเต้ จะลดเวลาลงไปเหลือเพียงแค่ 20 นาทีเพียงเท่านั้น
เครื่องดื่มชนิดนี้จะได้รับความนิยมหรือไม่
เราเห็นกันแล้วว่า วัฒนธรรมการบริโภคกาแฟนั้นเปลี่ยนไป ผู้คนทั่วไปเริ่มที่จะหันมาให้ความสนใจ และเปิดกว้างในการดื่มกาแฟแบบพิเศษ หรือกาแฟแบบใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีพื้นที่ให้บรรดาบาริสต้า ได้ทำการทดลอง สร้างสรรค์เครื่องดื่มชนิดใหม่ ๆ ออกมาให้ผู้บริโภคได้ดื่มมากยิ่งขึ้น ไนโตรลาเต้นี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ในตอนต้น เราเห็นแนวโน้มของผู้บริโภค ที่ไม่ต้องการรบกวนรสชาติของกาแฟเหล่านั้น โดยพยายามตัดสารต่าง ๆ ที่จะไปแต่งกลิ่นหรือรสชาติของกาแฟ เพื่อให้ได้สัมผัสกาแฟที่เป็นกาแฟจริง ๆ สารปรุงแต่งเหล่านั้นอาจจะไปบดบังรสชาติ และกลิ่นอันละเอียดอ่อนของกาแฟเหล่านั้นได้
แต่ในตอนนี้ เรากลับเห็นอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป ร้านกาแฟพิเศษบางแห่ง ได้ตระหนักถึงคุณค่าของการผสมผสาน ระหว่างกาแฟกับสิ่งอื่น เพื่อให้ได้รสชาติที่แปลกใหม่ และเสริมรสชาติของกาแฟที่ดีอยู่แล้วนั้นให้ดีมากยิ่งขึ้น อย่างการใส่เครื่องเทศลงไปในกาแฟ มีบางร้านถึงกับใส่พริกไทย หรือผลไม้ที่ไม่น่าเข้ากันลงไป นั่นทำให้มีพื้นที่สำหรับเครื่องดื่มอย่างไนโตรลาเต้
แต่อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด คือเรื่องของราคา โดยเฉพาะในบ้านเรา ไนโตรลาเต้นับว่าเป็นเครื่องดื่มที่ค่อนข้างใหม่ ดังนั้นราคาจึงสูงตามมาด้วย แต่นั่นก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล เนื่องจากการเตรียมเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะมีค่าใช้จ่ายสูง อย่างการใช้ไนโตรเจน นอกจากนี้ในเรื่องของอุปกรณ์ก็ค่อนข้างที่จะมีราคาในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นถัง ก๊อกไนโตรเจน ท่อแก๊ส รวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของค่าใช้จ่ายยิบย่อยอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นผู้ที่สามารถจะขายได้ ที่เห็นได้ชัดก็อาจจะเป็นร้านกาแฟรายใหญ่
เรื่องของความรวดเร็วนั้น นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ และสามารถที่จะอำนวยความสะดวกให้ทั้งบาริสต้าและผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร้านกาแฟในรูปแบบของสปีดบาร์ ไนโตรลาเต้นับว่าเป็นเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่
ไม่เพียงแค่นั้นไนโตรลาเต้ยังเป็นเครื่องดื่มที่สามารถไปได้ไกลกว่าการเป็นกาแฟ ในหลายร้าน นิยมเติมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงไปในไนโตรลาเต้ โดยการเปลี่ยนรูปแบบของเครื่องดื่มที่เป็นกาแฟ ไปเป็นเครื่องดื่มค็อกเทลแอลกอฮอล์โดยสิ้นเชิง ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก อย่างมีบางร้านที่เสิร์ฟ โดยการเติมเหล้ากาแฟลงไป จากนั้นใส่เครื่องเทศอย่างลูกจันทน์เทศ กลายเป็นเครื่องดื่มที่มีความน่าสนใจมาก
จากทั้งหมดนี้ เราจะเห็นได้ว่า ไนโตรลาเต้ เป็นเครื่องดื่มที่เกิดขึ้น จากการดัดแปลงในการผลิตคราฟท์เบียร์ โดยเดิมแล้วใช้ไนโตรเจนในการผลิตเบียร์ มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน หรือเมนูกาแฟแบบใหม่นี้ และนับว่าเป็นเครื่องดื่มที่มาแรง และถูกใจผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้บริโภคในกลุ่มกาแฟพิเศษ เป็นสิ่งที่ดีและน่าชื่นชม นอกจากผู้บริโภคจะชอบแล้ว สิ่งนี้ยังเป็นการเปิดพื้นที่ให้กับบาริสต้า ได้รังสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ออกมาได้อย่างดีเลย

ถึงแม้ว่าเครื่องดื่มชนิดนี้ จะไม่สามารถที่จะเป็นที่ชื่นชอบได้ในผู้ดื่มกาแฟทุกคน แต่ก็คุ้มค่าที่จะลองไม่น้อย เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก ที่เราเห็นในอุตสาหกรรมกาแฟเติบโตมากขึ้น ด้วยการมาถึงของเครื่องดื่มชนิดใหม่ ๆ มากขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าเลย ในอนาคตอันใกล้นี้ ทำให้วงการกาแฟสามารถที่จะเติบโตได้มากขึ้นไปอีก