ในวันที่บรรยากาศเป็นใจ อะไร ๆ ก็ดูจะสดใสไปหมด โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ที่เรารู้จัก ไม่รู้เป็นเพราะสถานที่หรือผู้คนกันแน่ที่ทำให้เมือง ๆ หนึ่งน่าหลงใหลมากมายขนาดนี้ แต่สิ่งที่รู้แน่ ๆ และขาดไม่ได้เวลามาถึงเชียงใหม่ นอกจากจะเที่ยวเล่นแบบตะลุยถิ่นธรรมชาติย่านในเมืองนอกเมืองแล้ว คงไม่พ้นเรื่องราวของการตามหาคาเฟ่นั่งจิบกาแฟตอนบ่ายเพื่อคลายร้อนกันบ้าง
Koff and Things คาเฟ่โทนอบอุ่นที่เหมือนยกบ้านทั้งหลังสไตล์ญี่ปุ่นมาวางไว้ในตัวเมืองเชียงใหม่ จำได้ว่ายกมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปกันรัว ๆ ตั้งแต่ยังไม่เดินเข้าร้าน แสงที่สาดกระทบลงมาโดนผนังไม้ซึ่งตกแต่งเป็นองค์ประกอบหลักของร้าน ทำให้ได้มู้ดแอนด์โทนญี่ปุ่นฤดูร้อนอยู่เหมือนกัน เดินเข้าไปจะพบว่าภายในร้านมีสองชั้นซึ่งบรรยากาศเหมาะจะนั่งพักผ่อนสบาย ๆ ในวันหยุด

เฟอร์นิเจอร์สีขาวดำตัดกับสีส้มน้ำตาลของไม้ให้ได้ชมความหรูหราพอประมาณ พูดง่าย ๆ คือแต่งลุคดูธรรมชาติ เป็นความไม่มากไม่น้อย สามารถใช้สอยทุกตารางนิ้วได้คุ้มค่า แต่สิ่งที่น่าค้นหากว่าคงจะเป็นกลิ่นอายของกาแฟที่โชยฟุ้งไปทั่วร้านจากเคาน์เตอร์บาร์ชั้นหนึ่ง และหากใครอยากเห็นวิวตึกที่แทรกด้วยถนนเส้นเล็ก ๆ จากมุมสูง ก็สามารถนั่งทำงานหรือจิบเครื่องชมวิวที่ชั้นสองของร้านได้
ความน่ารักอย่างหนึ่งของที่นี่คือสามารถนำสัตว์เข้าร้านได้ ซึ่งทางร้านออกตัวเลยว่าเป็น Pet Friendly ถึงแม้ Koff and Things จะไม่ได้มีพื้นที่กว้างมากนัก แต่พื้นที่เล็ก ๆ นั้นก็อัดแน่นไปด้วยคุณภาพและบรรยากาศที่หาไม่ได้จากที่ไหนอีก โดยเฉพาะขนมหวานและเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ บอกได้เลยว่าที่นี่ก็สุดยอดไม่แพ้กัน

มีคอกาแฟมากหน้าหลายตาแวะเวียนเข้ามาอยู่ตลอด เพราะมีเมนูและเมล็ดให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะกาแฟทั่วไปอย่างเอสเปรสโซ อเมริกาโน่ ลาเต้ หรืออยากลองซิกเนเจอร์ของร้านต้อง Dirty Special ส่วนสาย Non – Coffee ก็มีทั้งโกโก้ ชาไทย ยูซุโซดา หรือทีเด็ดสำหรับสายหวานชอบดื่มชาต้อง Premium matcha Latte ซึ่งทางร้านนำเข้ามาจากญี่ปุ่น สุดท้ายรสชาติความหวานที่ขาดไม่ได้ ต้องยกให้ชีสเค้กนุ่ม ๆ สไตล์ญี่ปุ่นไปเลย
ความใสใจในทุกรายละเอียดเป็นการสร้างคุณค่าเล็ก ๆ ให้ผู้คนได้รับรู้ และเราก็ได้รับมันจากที่นี่จริง ๆ มันอาจจะไม่ได้เป็นความรู้สึกที่อยู่ชั่วยามข้ามคืน แต่สถานที่แห่งนี้จะค่อย ๆ เปลี่ยนมุมมองของคุณอย่างช้า ๆ บรรยากาศที่นำพาความรู้สึกกลายเป็นส่วนสร้างความพอใจได้มากเลยทีเดียว การใช้เวลาเพียงเล็กน้อยกับมุมชั้นสองของร้านที่มองผ่านกระจกไปเจอถนนสามเลนจึงกลายสิ่งดี ๆ ของวันนี้ไม่ต่างกัน